Rosso ทำความรู้จักกับแบรนด์ชุดชั้นในชายที่วันนี้เดินทางสู่ยุค New Normal ด้วยหน้ากากอนามัย Cool Mask

เชื่อว่าวัยรุ่นไทยยุค 90 ย่อมเคยได้ยินสโลแกน Rosso …ลึกซึ้งถึงสัดส่วนชาย” พร้อมภาพจำ ที่เป็นกางเกงในขอบยางยืดพิมพ์ยี่ห้อ Rosso แต่น้อยคนจะรู้ว่าที่จริงแล้ว Rossoยังมีสินค้าเกี่ยวกับสิ่งทอที่หลากหลายกว่านั้น ทั้งเสื้อกล้าม เสื้อชั้นใน เสื้อลำลองสำหรับทั้งหญิงและชาย แม้กระทั่งชุด PPE ป้องกันเชื้อโรคสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยจุดแข็งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับเส้นใยผ้ามากว่า 40 ปี

และในวันที่หน้ากากอนามัยกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์ Rossoก็มีหน้ากากอนามัยหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์ความสบายสำหรับผู้สวมใส่ทุกเพศทุกวัย จนกลายเป็นสินค้ายอดนิยมของทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ทั้งในภูมิภาคอาเซียน ยุโรป และอเมริกา

หากเอ่ยชื่อRossoเชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคือแบรนด์ชุดชั้นในชาย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะRossoคือผู้นำด้านชุดชั้นในชายที่ครองตลาดมายาวนานกว่า 40 ปี

ตั้งแต่ยุคเริ่มต้น ในราวปี 2522 จาก คุณกัมพล ชาติธรรมรักษ์ ที่มองเห็นโอกาสทางการตลาดใน segment นี้ที่ยังไม่มีใครถือครอง

และแบรนด์แรกที่เข้าสู่ท้องตลาดก็คือ กางเกงในแอปเปิ้ล เจ้าของแถบผ้ายืดริ้วหลากสี ซึ่งถือเป็นไอเท็มยอดฮิตที่ชายไทยในสมัยนั้นแทบทุกคนต้องมีติดตู้เสื้อผ้า ซึ่งเป็นตัวบุกเบิกตลาดที่สร้างยอดขายแบบถล่มทลายจนผลิตไม่ทัน!!!

หลังจากความสำเร็จของกางเกงในแอปเปิ้ล คุณกัมพลก็ต้องการสร้างอีกแบรนด์โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ High ขึ้น นั่นจึงเป็นที่มาของแบรนด์Rossoที่แปลว่า ‘สีแดง’ ในภาษาอิตาลี ซึ่งเป็นสีโปรด นั่นเอง!

ถามว่าทำไมRossoถึงกลายเป็นแบรนด์ฮิตติดหูในฐานะชุดชั้นในชายมาจนถึงทุกวันนี้

คุณอาร์ต-คเณศร์ ชาติธรรมรักษ์ ทายาทรุ่นที่สองของกิจการ ให้คำตอบว่า

“ในยุคนั้น สื่อโฆษณายังไม่หลากหลายเหมือนกับทุกวันนี้ ทุกคนเห็นโฆษณาหลักๆ ผ่านสื่อทีวี และRossoก็เป็นชุดชั้นในชายเจ้าแรกที่มีการโฆษณาทางทีวี”

นั่นจึงเป็นที่มาของสโลแกนยอดฮิตที่หลายคนจำได้ติดหู “Rosso ลึกซึ้ง ถึงสัดส่วนชาย”

นอกจากความเป็นผู้นำในนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การเอายางยืดสกรีนลายมาใช้เป็นขอบกางเกงในเป็นเจ้าแรก Rossoยังแตกไลน์การผลิตออกไปอีกหลากหลาย โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านเส้นใยและสิ่งทอเป็นจุดแข็ง ทั้งเสื้อกล้าม เสื้อชั้นใน เสื้อผ้าเด็ก และเสื้อผ้าลำลองสำหรับทั้งชายและหญิง

จนกระทั่งในช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมาRossoมีแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 2 ชนิด แต่ทันทีที่เกิดวิกฤติโควิด-19 ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนกันใหม่แบบสายฟ้าแล่บ!

“ตั้งแต่ช่วงต้นปี ที่ประเทศไทยเราเผชิญกับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 โชคดีว่า เราก็ได้พัฒนาหน้ากากอนามัยสำหรับป้องกันฝุ่นไว้แล้วในระดับนึง ทีนี้พอมีเรื่องโควิด เราก็หยุดสินค้าตัวอื่นไว้ก่อน แล้วหันมาพัฒนาเรื่องหน้ากากแบบจริงจัง”

ด้วยฐานการผลิตที่พร้อม และความเชี่ยวชาญในเรื่องของเส้นใย หน้ากากอนามัยผ้ารุ่นแรกจึงผลิตสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว และทำยอดขายไปนับล้านชิ้นในช่วงเริ่มต้น เพราะด้วยราคาขายเพียงชิ้นละ 39 บาท ทำให้คนทั่วไปสามารถซื้อหาได้ไม่ลำบากกระเป๋าสตางค์จนเกินไป

ซึ่งนอกจากกลุ่มลูกค้าหลักในประเทศแล้ว หน้ากากอนามัยของRossoยังเป็นที่ต้องการของลูกค้าในกลุ่มประเทศอาเซียน อย่างเช่น สิงคโปร์ หรือแม้กระทั่งญี่ปุ่น ด้วยคุณสมบัติเด่นที่แตกต่างออกไปจากหน้ากากอนามัยแบบอื่นๆ

“เราสำรวจความคิดเห็นจากคนใกล้ตัว แล้วก็ตัวเราเองด้วย พบว่าปัญหาอย่างแรกสำหรับคนใส่หน้ากากอนามัยก็คือพอใส่นานๆ แล้วเจ็บหู เพราะสายรัดมันรั้ง ซึ่งถ้าเป็นหน้ากากผ้าทั่วไป สายรัดกับตัวหน้ากากจะเป็นคนละส่วนกัน แบรนด์ของเราก็เลยทำให้สายรัดกับตัวผ้าหน้ากากมันเชื่อมต่อมาจากชิ้นเดียวกัน เวลาสวมใส่ก็จะสบายกว่า”

นอกจากรุ่นแรกที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว ก็ยังออกรุ่นต่อมาที่เป็นหน้ากากอนามัยกันน้ำสำหรับป้องกันฝอยละอองที่มาจากการไอหรือจามเป็นรุ่นที่สอง เพื่อให้ผู้สวมใส่ได้รับความมั่นใจยิ่งขึ้น

“แล้วก็ยังมีปัญหาอื่นๆ อย่างเช่น ผู้ชายที่โครงหน้าอาจจะใหญ่และกว้างกว่าผู้หญิง  พอใส่หน้ากากธรรมดา มันก็ใส่ไม่พอดี เราจึงผลิตหน้ากากไซส์ XL สำหรับคนที่มีรูปหน้ากว้างโดยเฉพาะ แล้วเราก็ยังทำหน้ากากสำหรับเด็กออกมาด้วย ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกๆ ในช่วงนั้น ทำให้เรามีหน้ากากที่ตอบโจทย์สำหรับทุกเพศทุกวัย”

“หรืออย่างสายคล้องหน้ากาก มันก็มาจากปัญหาของตัวเราเองด้วยเหมือนกัน ที่หลายครั้งเวลาถอดหน้ากากออกแล้ว ไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน จะวางไว้บนโต๊ะหรือใส่กระเป๋าก็กลัวจะไม่สะอาด ส่วนเด็กๆ อย่างเช่น ลูกผมเอง เค้าก็ทำหายเป็นประจำ เพราะชอบเอาไปวางลืมไว้ที่โน่นที่นี่ เราเลยมีไอเดียที่จะทำสายคล้องหน้ากากออกมา เพื่อให้สามารถใส่สายคล้องติดตัวไปไหนมาไหนได้ ไม่เลอะ ไม่ลืม แล้วก็มีหลายสีสันให้แมตซ์กับเสื้อผ้าได้ง่าย”

และด้วยความพร้อมด้านการผลิต ทำให้Rossoสามารถรับผลิตหน้ากากผ้าสกรีนลายจำนวนมากๆ สำหรับลูกค้าประเภทองค์กร ซึ่งก็มีลูกค้ารายใหญ่ อย่างเช่น เบนซ์ (Benz Metro Autohaus) ธนาคารกรุงไทย รถไฟฟ้า BTS หรือกระทั่งทีมฟุตบอลอังกฤษอย่าง เชฟฟีลด์ เวนด์สเดย์ (Sheffield Wednesday) ก็ไว้ใจให้Rossoเป็นผู้ผลิตหน้ากากอนามัยให้

ในยุคที่หน้ากากอนามัยกลายเป็นของใช้ประจำตัวของผู้คนจนแทบจะกลายเป็นอวัยวะที่ 33 การมีหน้ากากที่สวมใส่สบายและสายคล้องสำหรับพกพา ในราคาที่สมเหตุสมผล จึงตอบสนองความจำเป็นของผู้คนได้เป็นอย่างดี

และทางRossoเองก็ไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาสินค้าใหม่ๆ นั่นจึงเป็นที่มาของ หน้ากากอนามัยRosso Cool Mask ที่สวมใส่แล้วเย็นสบาย ด้วยเทคโนโลยีเส้นใย Micro Fiber ทำให้ถ่ายเทอากาศได้ดี แห้งเร็ว ไม่อับชื้น จึงไม่มีกลิ่นอับ ตอบสนองฟังก์ชั่นการใช้งานของผู้คนที่ต้องเผชิญกับอากาศร้อนอบอ้าวที่ทำให้หายใจลำบาก ทำให้Rosso Cool Mask กลายเป็นที่ต้องการของทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทั้งในกลุ่มประเทศอาเซียน รวมถึงประเทศญี่ปุ่นที่สั่งจองออเดอร์มาล่วงหน้าเพื่อเตรียมรับกับอากาศในช่วงหน้าร้อนนี้

ด้วยเนื้อผ้าที่ยืดหยุ่นได้ดี รับกับใบหน้าด้วย รูปทรง 3D Sport Design ที่ช่วยให้สวมใส่ได้กระชับ แต่สบาย หายใจได้สะดวกกว่าหน้ากากธรรมดาทั่วไป จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดทั้งวัน ผู้มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ชอบออกกำลังกาย  และด้วย ราคาเพียงชิ้นละ 69 บาท เทียบกับหน้ากากที่สามารถซักแล้วนำมาใส่ซ้ำได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จึงนับว่าคุ้มค่ามาก ถ้าจะเลือก Rosso ไว้สำหรับเป็นหน้ากากประจำตัวและประจำครอบครัว

ในวันนี้ Rosso จึงไม่ได้แค่ “ลึกซึ้งถึงสัดส่วนชาย” เท่านั้น แต่ยังลึกซึ้งถึงสัดส่วนของทุกเพศทุกวัย ด้วยสินค้าที่ตอบโจทย์ได้ตั้งแต่หัวจรดเท้ากันเลยทีเดียว!

หน้ากากอนามัยRossoมีวางจำหน่ายที่ร้านROSSO UNION ทั้ง 8 สาขา แฟชั่นไอส์แลนด์, อิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง, เสริมไทย คอมเพล็กซ์, ห้าง Terminal 21 สาขาอโศก พัทยา โคราช และ บิ๊กซี สาขาพิษณุโลก และอุดรธานี

หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ทาง

Website : http://bit.ly/RossoShopping

Line: https://bit.ly/2Vlh73e

Facebook : https://bit.ly/2Kz06wf

Lazada : http://bit.ly/RossoLazMall

Shopee : http://bit.ly/RossoShopeeMall

ติดต่อ…

Line : @rosso_online
Fb: ThailandRosso
IG: Rosso.thailand

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online