Metaverse โลกเสมือนที่เจ้าพ่อโลกแห่งจินตนาการอย่าง Disney ต้องขอร่วมแจม (วิเคราะห์)

แม้ยังเป็นแค่ช่วงเริ่มต้น แต่เทคโนโลยีโลกเสมือนก็ดูจะเป็นตลาดใหญ่ที่ทำเงินได้มหาศาล จนเบอร์ใหญ่ในอุตสาหกรรมบันเทิงขอร่วมวงด้วย

Disney เผยว่ามีแผนรุก Metaverse แน่นอน เพราะเห็นว่าเป็นสนามใหญ่และแพลตฟอร์มใหม่ให้แฟน ๆ ได้สัมผัสกับคาแรกเตอร์ดัง ๆ มากมายใต้ชายคา ซึ่งแน่นอนเป็นโอกาสทำเงินได้อีกมหาศาล

ผลสืบเนื่องจากพัฒนาการทางเทคโนโลยีหลายด้าน ทั้งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ตัวตนเสมือน แว่น VR และเทคโนโลยี ความจริงเสริม (AR)

และความต้องการเข้าถึงคอนเทนต์และสื่อสารกันผ่านช่องทางใหม่ ๆ ทำให้การเชื่อมประสานกันแบบหลายมิติผ่านตัวตนเสมือน (Metaverse) เริ่มขยายตัว

บริษัทใหญ่ ๆ ที่มีเทคโนโลยีอยู่ในมือ โดยเฉพาะกลุ่ม Gaming อย่าง Epic บริษัทผู้ผลิตเกต Fortnite ก็ไม่รอช้า รุกMetaverseก่อนเพื่อชิงความได้เปรียบ

หรืออย่างน้อยก็เผยโปรเจกต์ที่วางไว้ อย่าง Microsoft ที่ตั้งเป้าให้ผู้ใช้ Teams แพลตฟอร์มประชุมออนไลน์หลายล้านคนทั่วโลกได้เข้าถึง Metaverse ราวกลางปีหน้า   

แต่ที่เรียกเสียงฮือได้มากสุดคือการเปลี่ยนชื่อบริษัทของ Facebook เป็น Meta เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อยืนยันถึงการรุกMetaverse หลังมีเทคโนโลยีมากมายอยู่ในมือ

และก่อนหน้านั้นไม่นานก็เพิ่งจับมือกับ Luxottica ยักษ์ใหญ่ในวงการแว่นสัญชาติอิตาลีออก Ray-Ban Stories แว่นอัจฉริยะ (Smart Glass) ทรงเท่ที่คนทั่วโลกคุ้นเคย เพื่อหวังใช้เป็นหนึ่งในช่องทางเข้าถึงMetaverse

แม้มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นแผนปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อหวังลดกระแสต่อต้านชื่อ Facebook หลังถูกคนในนำเรื่องเชิงลบมาแฉติด ๆ กันก็ตาม

ล่าสุด Disney ก็ขอร่วมขบวน Metaverse ด้วย โดย Bob Chapek – CEO ของ Disney เผยถึงเรื่องนี้ระหว่างแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุด

Bob Chapek 

และให้รายละเอียดเบื้องต้นเพิ่มเติมระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อสหรัฐฯ ในวันเดียวกันว่า จะเป็นการเชื่อมประสานโลกที่จับต้องได้กับโลกดิจิทัลให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น เล่าเรื่องได้ดีขึ้นและมีพื้นที่ให้คาแรกเตอร์ของ  Disney ได้โลดแล่นแบบไร้รอยต่อ  

นี่ถือเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองเพราะ Disney มีคาแรกเตอร์ดัง ๆ อยู่ในมือมหาศาลและยังเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกอีกด้วย ไล่ตั้งแต่การ์ตูนขวัญใจเด็กสาวทั่วโลก อย่าง Snowwhite และเจ้าหญิง Elsa ต่อด้วย Luke Skywalker Yoda และเหล่า Mandalorian จาก Star Wars

รวมไปถึง Super Hero มากมายจากค่าย Marvel และ Woody กับ Buz Lightyears จาก Pixar โดยหาก Disney เดินหน้ารุกMetaverseอย่างจริงจังขึ้นมา แฟน ๆ Disney ก็พร้อมจ่าย และนี่จะเป็นอีกตลาดใหญ่ที่สามารถทำเงินได้มหาศาล

อย่างไรก็ตาม หาก Disney จะรุกMetaverseจริง ๆ ก็คงต้องทำอย่างจริงจัง เพราะแผนรุกธุรกิจใหม่ ๆ ที่ต่อยอดมาจากเทคโนโลยีดิจิทัลก่อนหน้านี้ ถือว่าน่าผิดหวัง

หลักฐานคือการทุ่มเงินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33,000 ล้านบาท) ซื้อ Playdom สตูดิโอทำเกมผ่าน Social Media และ Maker Studios บริษัทผลิตคอนเทนต์ลงสื่อออนไลน์เมื่อปี 2010 และ 2014 ตามลำดับนั้น ยังไม่ผลิดอกออกผลถึงขนาดทำกำไร   

ประกอบกับเป็นความเคลื่อนไหวที่มีออกมาในวันแถลงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2021 ซึ่งโดยรวมแล้วผิดคาด ทั้งจากตัวเลขผลประกอบการ 18,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 607,000 ล้านบาท)

ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้ และจำนวนสมาชิก 118 ล้านคนของ Disney Plus ซึ่งต่ำกว่า 125 ล้านคนที่คาดไว้

นี่จึงทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ว่า Disney เพียงต้องการเรียกความสนใจและกลบข่าวผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่น่าผิดหวังเท่านั้น/theguardian, cnbc, wikipedia cnn

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online