ปี 2021 กำลังจะผ่านพ้นไป โดยในวงการซีรีส์พูดได้เต็มปากว่าเป็นปีของซีรีส์เกาหลีใต้ หลักฐานคือการที่ Squid Game ครองอันดับหนึ่ง และพาซีรีส์ร่วมชาติแนวอื่นๆ ทยอยติด Top Ten จนเรียกได้ว่า ซีรีส์ที่นำการละเล่นสมัยเด็ก ปัญหาสังคม และการเล่นกันถึงตายมาคลุกรวมเป็นกิมจิรสจัดเรื่องนี้ เป็นรายการที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ (Non English Content) แห่งปีของ Netflix
เหตุการณ์ลักษณะใกล้เคียงกันนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ Content ในสเปน โดยหากดูใน Netflix ก็จะเห็นได้ว่ามีหนังและซีรีส์ รวมไปถึงสารคดีจาก “แดนกระทิงดุ” อยู่พอสมควร ซึ่งทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน จาก Casa de Papel ซีรีส์แนวแก๊งปล้นที่เปิดตัวสวยในสถานีโทรทัศน์ช่วงแรก ๆ แต่แผ่วปลายตั้งแต่ซีซั่นแรก จนซีซั่นสองถูกยกเลิกกลางอากาศ
ทว่า หลังเปลี่ยนจากฉายทางโทรทัศน์ไปเป็นสตรีมบน Netflix ก็เริ่มเป็นที่รู้จักจนที่สุดดังระดับโลก พร้อมสร้างปรากฏการณ์และเป็นต้นแบบให้ Content อีกมากมายใน Netflix ซึ่งหนึ่งในนั้นมี Squid Game รวมอยู่ด้วย … ซีรีส์โกงความตายเรื่องนี้ผู้ชมทั่วโลกรู้จักกันชื่อ Money Heist
Content ระดับปรากฏการณ์ที่ Netflix ได้มาฟรี ๆ
Alex Pina
ปี 2016 Alex Pina โปรดิวเซอร์มากประสบการณ์ของวงการโทรทัศน์สเปนกำลังคิดจะปั้นซีรีส์เรื่องใหม่ระหว่างนอนรับลมทะเลบนเตียงผ้าใบที่ชายหาดในปานามา ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องใช้งบน้อย ถ่ายทำในสตูดิโอได้ น่าติดตามและเนื้อหาไม่ห่างจากผลงานเรื่องก่อนที่เล่าเรื่องดราม่านักโทษหญิง ซึ่งประสบความสำเร็จพอสมควรมากนัก
มวลความคิดดังกล่าวพัฒนาเป็นซีรีส์โทรทัศน์ Casa de Papel ในปี 2017 โดยตอนแรกของซีซั่นแรก เปิดตัวสวยมีผู้ชม 4 ล้านคน ทว่าดวงของซีรีส์ก็ตกไม่ต่างจากตัวละครในเรื่อง
พอถึงตอนสุดท้ายของซีซั่น ผู้ชมเหลือเพียง 1.4 ล้านคน จนสถานีโทรทัศน์ Antenna 3 ไม่ซื้อซีซั่นสองที่กำลังจะเริ่มถ่ายทำมาออกอากาศต่อ
หลังได้รับข่าวร้าย Alex Pina ทีมงานและนักแสดงทุกคนต่างก็เตรียมหางานใหม่ แต่ Alex Pina ไม่ยอมแพ้ โดยเขาไปร่วมงานรวมตัวของคนวงการหนังวงการโทรทัศน์สเปนที่ Netflix จัดขึ้น เพื่อหวังมาซื้อ Content สเปนเพิ่ม และได้ให้ Thumb drive ตอนนำร่องและซีซั่นแรกกับ Diago Avalos รองผู้บริหารของ Netflix ณ ขณะนั้นไป พร้อมหวังว่าโชคจะพลิกกลับมาเข้าข้าง
ปรากฏว่าโชคเข้าข้าง Alex Pina โดย Diago Avalos เสียบ Thumb drive เข้าโน๊ตบุ๊กลองเปิดดูฆ่าเวลาบนเครื่องบินระหว่างเดินทางกลับสหรัฐฯ โดยปรากฏว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะเขาชอบมาก
Diago Avalos ติดต่อกลับไปยัง Alex Pina ให้ตัดต่อใหม่ ใส่คำบรรยายภาษาอังกฤษ และเปลี่ยนชื่อจาก Casa de Papel เป็น Money Heist เพื่อทดลองว่าคอซีรีส์ในแพลตฟอร์มจะติดหนึบเหมือนเขาไหม
Diego Avalos
Diego Avalos คิดถูก Money Heist ดังทันทีตั้งแต่ซีซั่นแรกหลังย้ายมา Netflix ซึ่งทำให้เขาปลื้มสุด ๆ เพราะต้นสังกัดไม่ต้องเสียงบโปรโมตเลยสักดอลลาร์เดียวนั่นเอง สัญญานแรกๆ ที่ยืนยันว่าต่อ Money Heist จะดังคือนักแสดงเจ้าของบท Rio ต้องช็อคที่ยอดผู้ติดตาม Twitter ของตนพุ่งจาก 50,000 คนเป็น 1,000,000 คน ในเวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น
จากนั้น Money Heist ก็ฉุดไม่อยู่ พอซีซั่น 3 และ 4 หลังปล่อยสตรีม 4 สัปดาห์แรก มียอดผู้ชมสูงถึง 45 ล้านคน และ 65 ล้านคนตามลำดับ พร้อมข่าวว่านี่คือหนึ่งในซีรีส์สเปนที่ทุนสร้างสูงสุดและยอดผู้ชมแซงหน้า Stranger Things เลยทีเดียว
พอถึงจุดนี้ Netflix ก็พร้อมทุ่มไม่อั้น โดยมีการเปิดสำนักงานในสเปน ซึ่งเป็นแห่งที่ 4 ในยุโรป ทั้งเพื่อปั้นทัพ Content สเปนออกมาอีก โดยประโยชน์ที่ Netflix ได้คือ ทัพ Content สเปนใหม่ ๆ สำหรับคนที่ติดใจ Money Heist และเพื่อเจาะตลาดประเทศแถบอเมริกาใต้ที่พูดภาษาสเปน ขณะเดียวกันช่วยสร้างงานให้ชาวสเปนได้นับหมื่นตำแหน่งและวงการหนัง และซีรีส์สเปนเติบโต
ความดังของ Money Heist ยังส่งผลอีกมากมาย โดย Neymar นักฟุตบอลบราซิลชื่อดัง ถึงขนาดขอมาเป็นแขกรับเชิญ การไปถ่ายทำนอกสตูดิโอบางครั้งต้องหยุดคราวละนาน ๆ เพราะแฟน ๆ มามุงดู ส่วนตัวทีมงานและนักแสดงก็ได้ออกจากสเปนไปถ่ายทำในเกือบ 10 ประเทศ รวมถึงในไทย
พร้อมกันนี้ยัง Ursula Corbero ที่รับบท Tokyo ก็ได้ข้ามไปเล่นหนัง Hollywood อย่าง Snake Eye : GI Joe The Origins อีกด้วย
Úrsula Corberó
ส่วนภาพจำและเอกลักษณ์ของซีรีส์ โดยเฉพาะเพลง Bella Ciao ดัง ชุดวอร์มสีแดงและหน้ากากดาลีกลายเป็นหนึ่งในชุดวัยรุ่นนิยมใส่กัน ส่วนหน้ากากดาลียังมีคนใส่ไปประท้วงและปล้นธนาคารจริง ๆ อีกด้วย
ความสำเร็จของ Money Heist เกิดจากหลายปัจจัย เริ่มจากเนื้อเรื่องแนวแก๊งปล้นที่ดึงให้คนติดหนึบได้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่ Money Heist ฉีกไปอีกทาง ด้วยการเล่นประเด็นความผิดพลาดที่คาดไม่ถึง และมักเป็นแบบไม่น่าจะเกิดขึ้นซึ่งเกิดจากความไม่ชำนาญของสมาชิกในแก๊ง
ตรงข้ามกับขนบของหนังและซีรีส์ดัง ๆ แนวนี้ เช่น หนังชุด Ocean ที่เน้นความเนี้ยบและเหนือชั้น จนทำให้ผู้ชมดูอินและติดหนึบ เพราะเห็นใจตัวละคร และคิดว่าตัวละครก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกับตน หรือ 99% ที่เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่คนเก่งระดับเซียน 1%
ในประเด็นความสัมพันธ์และช่วยเหลือกันระหว่างตัวละครยังมีความแน่นแฟ้น จนบางครั้งเรื่องปล้นที่แม้จะคิดการใหญ่มากขึ้นแค่ไหนที่สุดก็จะกลายเป็นเรื่องรอง และยิ่งมีตัวละครตัวไหนตายขึ้นมา จะสร้างอารมณ์ร่วมแก่คนดูได้เป็นอย่างมาก
อีกประเด็นที่ส่งผลให้ Money Heist เป็นที่จดจำคือ ชุดแดง หน้ากากดาลี และชื่อเรียกตัวละครในกลุ่มทีมปล้นตามชื่อเมือง โดยอย่างแรกสะดุดตาผู้ชมทันทีที่ปรากฏบนจอ (ภายหลังกลายเป็นหนึ่งในชุดยอดฮิตในเทศกาล Hallowen)
อย่างที่สองสื่อถึงความศิลปินและเอกลักษณ์สเปน (ต้นแบบคือ Salvador Dali)
หน้ากากดาลี
ส่วนอย่างที่สาม แม้ Alex Pina เผยภายหลังว่าได้ไอเดียมาจากลายพิมพ์เสื้อ Tokyo ของทีมงาน แต่กลับเป็นเรื่องดีเพราะส่งให้ซีรีส์มีความอินเตอร์โดยบังเอิญเมื่อผู้ชมนอกสเปนได้ชม โดยเมื่อรวมกันทั้งสามกลายเครื่องมือทางการตลาดชั้นดี
นอกจากนี้ Money Heist ยังแตะประเด็นผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจ วิจารณ์สถาบันการเงิน และการต่อต้านระบบหรือฝ่ายปกครองที่ประชาชนระดับรากหญ้าที่ต้องปากกันตีนหลังการบริหารประเทศล้มเหลว โดยจะมีแรงบันดาลใจมาจากวิกฤตเศรษฐกิจสเปนระหว่างปี 2008-2014 แต่เรื่องเหล่านี้มีความเป็นสากล คนทั่วโลกจึงมีอารมณ์ร่วมได้ไม่ยาก
มาปีนี้ Money Heist ดำเนินมาถึงฉากจบ โดยซีซั่น 5 ซึ่งเป็นซีซั่นสุดท้าย แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกสตรีมไปเมื่อกันยายน และส่วนหลังซึ่งเป็นช่วงอวสาน เพิ่งสตรีม 3 ธันวาคมที่ผ่านมา
ทว่าแฟน ๆ Money Heist ก็มีข่าวดี โดยซีรีส์แยกของ Berlin หนึ่งในตัวละครที่คนทั้งรักทั้งเกลียด จะมีออกมาในปี 2023 และบริษัทผู้ผลิตซีรีส์ในเกาหลีใต้ได้นำ Money Heist ไปทำใหม่ โดยผู้ที่มารับบท Berlin คือ Park Hae-soo จาก Squid Game
จากนี้ต้องรอดูกันว่าสเปนจะปั้น Content ฮิตเป็นปรากฏการณ์ไปทั่วโลกได้อีกหรือไม่ และ Money Heist ฉบับเกาหลี จะแตกต่างจากของสเปนอย่างไร หรือกลายเป็นปรากฏการณ์ได้เหมือน Squid Game อีกครั้งได้หรือไม่/elpais, cnbc, gq, wikipedia, variety, looper, hollywoodreporter, slate
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ