ปี 2566 นี้ ทิศทางตลาดพรินเตอร์ในบ้านเราดูเหมือนสดใสขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาตัวเลขยอดขายลดลงเนื่องจากประสบปัญหาด้าน Supply ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอันเป็นผลต่อเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19
แต่ปัจจุบันสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายกลับสู่สภาวะปกติ ผู้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานเริ่มกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านและออกไปทำงานมากขึ้น ขณะเดียวกันแบรนด์เองก็จัดเตรียมของและวางกลยุทธ์พร้อมรุกตลาดเช่นกัน
ล่าสุดพี่ใหญ่ในวงการอย่าง แคนนอน (Canon) ประกาศความพร้อมครองอันดับ 1 ตลาดพรินเตอร์ไทย เปิดแผนกลยุทธ์ปี 2566 เพื่อรุกตลาดพรินเตอร์ไทยเจาะกลุ่มลูกค้าในทุกเซกเมนต์ โดยเน้นไปที่กลุ่ม B2B ที่กลับมาฟื้นตัวหลังผ่านพ้นภาวะการแพร่ระบาด
ความน่าสนใจในการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของแคนนอนในครั้งนี้ นอกจากกลยุทธ์การตลาดที่พร้อมแล้ว แคนนอนยังขนทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งอิงค์เจ็ท เลเซอร์ และเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ ซึ่งตอบโจทย์อินไซต์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ด้วยความง่ายตามแบบฉบับของแคนนอน
ก่อนไปเจาะอินไซต์กลยุทธ์การตลาดของแคนนอน Marketeer เล่าภาพรวมตลาดพรินเตอร์ให้ฟังก่อนว่า
ในปีที่ผ่านมาตลาดพรินเตอร์อิงค์เจ็ทในบ้านเรามียอดจำหน่ายที่ 840,000 เครื่อง เป็นเครื่องพิมพ์แท็งก์แท้ 640,000 เครื่อง โดยแคนนอนเองสามารถครองตำแหน่งผู้นำพรินเตอร์อันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่มากถึง 32%
แม้ในปีนี้ (2566) มีการคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดพรินเตอร์จะอยู่ที่ 770,000 เครื่อง หรือปรับตัวลดลงราว 5-10% แต่เบอร์หนึ่งอย่างแคนนอนมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจพรินเตอร์มากถึง 10% และเดินหน้าประกาศความพร้อมในการตอบสนองของลูกค้าพรินเตอร์ได้ครบทุกเซกเมนต์
เดินหน้ารุกทุกเซกเมนต์ เน้นที่ B2B
เหตุผลหลักที่แคนนอนมั่นใจ ประการแรกคือ ปัจจัยภายนอกอย่างภาพรวมพฤติกรรมผู้บริโภคหลังโควิด-19 ที่ผู้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะ ‘กลุ่มคนทำงาน’ เริ่มกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านและออกไปทำงานกันตามปกติมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B) อย่างชัดเจน
ประกอบกับข้อมูลของ สสว. ที่ระบุว่าในปี 2565 ธุรกิจ SMEs ของไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยจำนวนผู้ประกอบการ SMEs เพิ่มจาก 58,058 รายในปี 2021 เป็น 72,480 รายในปี 2022 ซึ่งในจำนวนนี้คิดเป็นธุรกิจก่อสร้างทั่วไป 9% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 6% และธุรกิจอาหาร 4%
ทำให้ในปีนี้แคนนอนให้ความสำคัญกับการขยายตลาด B2B หรือ Business to Business รวมถึงตลาด B2G หรือ Business to Government ให้มากขึ้น
ถัดมาคือปัจจัยภายใน ซึ่งก็คือความแข็งแกร่งของการดำเนินงานที่สมบูรณ์แบบทั้ง 4 ด้านของแคนนอน ได้แก่
- ความเข้าใจใน Demand (อุปสงค์) ของลูกค้าทุกกลุ่ม: แม้ลูกค้ารายบุคคล (B2C) เริ่มมีอัตราเติบโตคงที่ แต่แคนนอนยังคงนำเสนอพรินเตอร์ทั้ง INKJET Printer ได้แก่ TS Series, G Series, E Series, GX Series และ LASER Printer ทั้งสีและขาวดำ ที่สามารถตอบทุกความต้องการตั้งแต่การใช้งานในครัวเรือน ไปจนถึงองค์กรธุรกิจทุกขนาดและหน่วยงานภาครัฐได้อย่างครบครัน
- การยกระดับ Supply (อุปทาน): ให้เพียงพอต่อความต้องการอย่างแน่นอน นอกเหนือจากการเตรียม Supply ให้พร้อมแล้ว แคนนอนยังพัฒนาไลน์อัปผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ล่าสุดกับการเปิดตัวพรินเตอร์ซีรีส์ใหม่ ได้แก่ อิงค์เจ็ทพรินเตอร์รุ่น G Series แบบ ‘มินิอิงค์’ (G-Series – Mini Ink), อิงค์เจ็ทพรินเตอร์แบบหมึกแท็งก์เพื่อธุรกิจ (Business Ink Tank), เลเซอร์พรินเตอร์ (Laser Printers) และพรินเตอร์หน้ากว้างแบบตั้งโต๊ะ (Desktop Large Format)
- Product (ผลิตภัณฑ์) คุณภาพสูงที่ใช้ง่าย ไม่มีสะดุด: แนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แคนนอนยึดมั่นมาโดยตลอดคือ ความง่าย “Simple to Use” เพื่อลดปัญหา (Pain point) ไปพร้อม ๆ กับตอบโจทย์การใช้งานผู้บริโภคให้มากที่สุด
- Service Partner (พันธมิตรผู้ให้บริการ): ต้องยอมรับว่าแคนนอน คือ แบรนด์พรินเตอร์ที่มีสาขาให้บริการมากที่สุดถึง 164 แห่งครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ และมีแผนขยายเพิ่มให้ได้ถึง 180 แห่งภายในปีนี้ ตลอดจนการเพิ่มจำนวนพาร์ตเนอร์ที่มีความถนัดในการเข้าถึงธุรกิจกลุ่ม B2B และ B2G เพื่อรุกตลาดดังกล่าวตามที่วางแผนไว้
จากเหตุผลในข้างต้นประกอบกับแก่นสำคัญอย่าง ‘การคำนึงถึงพฤติกรรมผู้ใช้งาน’ (Consumer behavior basis) ที่ใช้ในการพัฒนาสินค้าและแก้ไข Pain point ของการใช้พรินเตอร์ในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ทำให้แคนนอนแบ่งกลุ่มผู้ใช้งานออกเป็น 5 กลุ่มหลัก เพื่อส่งมอบมูลค่า (Value) ที่แตกต่างกันตามลักษณะการใช้งาน
1. นักเรียนนักศึกษา (งบประมาณน้อย) Value: ลงทุนครั้งเดียว ประหยัดตลอดไป
2. ผู้ใช้งานในครัวเรือน (การใช้งานมากน้อยต่างกันในแต่ละวัน) Value: ใช้ง่ายได้ทุกคน ยังไงก็คุ้ม
3. พนักงานบริษัทหรือสตาร์ตอัป (ใช้ไม่เป็น ซ่อมเองไม่ได้ ปัญหาเยอะ) Value: ใช้ง่าย ซ่อมก็ยังง่าย
4. ธุรกิจขนาดเล็ก SMEs (งานพิมพ์ซับซ้อนหลายประเภท) Value: ประหยัดเวลา ทำให้ธุรกิจง่ายขึ้น
5. มืออาชีพขั้นสูง (ต้องการงานพิมพ์คุณภาพสูง) Value: งานโปรแค่ไหนก็ง่าย
เพื่อตอบโจทย์ด้านการใช้งานที่ง่ายสำหรับผู้ใช้ทั้ง 5 กลุ่มดังกล่าว แคนนอนได้เปิดตัวสินค้าใหม่ใน 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ
MINI INK (รุ่น G1730, G2730 และ G3730) รองรับผู้ใช้งานกลุ่ม B2C โดยเฉพาะ รวมถึงกลุ่ม B2B ระดับต้น เช่น ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก ชูจุดเด่นการลดต้นทุนค่าหมึก ผู้ใช้งานยังสามารถเปลี่ยนหัวพิมพ์และแผ่นซับหมึกเองได้ โดยที่ยังคงได้งานพิมพ์คุณภาพดีที่คุ้มค่าสุงสุด
BUSINESS INK TANK (รุ่น GX3070 และ GX4070) จับกลุ่ม B2B ที่เป็นธุรกิจ SMEs หรือ Home Office ที่มีการใช้งานมากกว่าในครัวเรือน โดยมอบงานพิมพ์คุณภาพสูงขึ้น แต่ยังคงความคุ้มค่า ใช้งานและดูแลรักษาง่าย
LASER FULL RANGE ในครึ่งปีแรกนี้แคนนอนเปิดตัวเครื่องพิมพ์เลเซอร์รุ่นใหม่พร้อมกันถึง 13 รุ่น
- เลเซอร์พรินเตอร์ 6 รุ่น ได้แก่ LBP121dn / LBP122dw / LBP361dw / LBP456w / LBP458x / LBP 722cx
- เลเซอร์มัลติฟังก์ชัน 7 รุ่น ได้แก่ MF271dn / MF272dw / MF274dn / MF275dw / MF264dwII / MF266dnII / MF269dwII
พร้อมตอบโจทย์ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงระดับเอ็นเตอร์ไพรส์ โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล หรือแม้แต่หน่วยงานรัฐบาลขนาดใหญ่
DESKTOP LARGE FORMAT (รุ่น TC-20M) ตอบโจทย์งานพิมพ์หน้ากว้างที่จัดวางได้ในสำนักงานทุกขนาด พร้อมมอบประสิทธิภาพและความคุ้มค่า
“แคนเซิลทุกเรื่องยากด้วย แคนนอนพรินเตอร์” ตอกย้ำความง่าย สะดวก ไม่มีสะดุด
หนึ่งหัวใจสำคัญที่จะทำให้แคนนอนไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ นั่นคือการทำการตลาดสื่อสารสร้างภาพลักษณ์ถึง Key Benefit ใช้งานง่าย สะดวก ไม่มีสะดุด
โดยแคนนอนเข้าใจดีว่าชีวิตการทำงานในปัจจุบันมีความยุ่งยากมากพอแล้ว พรินเตอร์จึงต้องเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด และการใช้งานที่ไร้ปัญหากวนใจย่อมทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกผ่อนคลายและช่วยให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้จริง ๆ
ในปีนี้แคนนอนต่อยอดแนวคิด “ความง่าย” (Simple to Use) มาสู่แคมเปญการตลาดประจำปีอย่าง “แคนเซิลทุกเรื่องยากด้วย แคนนอนพรินเตอร์” พร้อมทำหนังโฆษณาเล่าเรื่อง Simple to Use ของแคนนอนในทุก ๆ มิติการใช้งาน
นอกจากการสื่อสารในรูปแบบภาพยนตร์โฆษณาแล้ว แคนนอนยังวางแผนโรดแมปกิจกรรม Below the Line (การสื่อสารที่นอกเหนือจากสื่อหลัก) ต่าง ๆ เช่น การจัดกิจกรรมต่าง ๆ พร้อมกับร่วมมือกับพาร์ตเนอร์จัดกิจกรรมเข้าถึง B2B และ B2G รวมถึงการจัดกิจกรรมร่วมกับพาร์ตเนอร์เป็นเหมือนบันไดที่ช่วยให้แคนนอนประสบความสำเร็จในการเข้าถึงและสร้างยอดจำหน่ายที่รวดเร็วขึ้น
จากความพร้อมทั้งเรื่องของสินค้าและแนวทางการทำตลาด เป้าหมายการเติบโต 10% ในปีนี้ที่แคนนอนตั้งใจไว้ดูเหมือนจะไม่ไกลเกินเอื้อม แต่ที่แน่ ๆ Movement ของเบอร์หนึ่งในครั้งนี้ ปลุกตลาดพรินเตอร์ไทยให้กลับมาสดใสซาบซ่า และสนุกขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



