นับเป็นปีแห่งการจากลาของแบรนด์ดังที่อยู่คู่คนไทยมาเป็นทศวรรษ เบิกฤกษ์ตั้งเเต่ต้นปีด้วยการโบกมือลาของบริษัทร่วมทุนเครือเซ็นทรัลกับฝั่งจีน และทยอยยุติตามกันมาถึงสิ้นปี บางแบรนด์อยู่คู่คนไทยมา 20 ปี ก็ยังมิวายหยุดไปต่อ
ทั้งการขาดทุนสะสมมหาศาล ตลาดที่ยังไม่พร้อม การแข่งขันที่ระอุ เมื่อแบกรับไม่ไหวก็ต้องถอยออกไปตามสเต็ป
ในปี 2023 เปิดประเดิมด้วยการประกาศยุติการให้บริการของบริษัทร่วมทุนกลุ่มเซ็นทรัล ที่ถือเป็นข่าวใหญ่รับปีกระต่ายทอง แม้มีข่าวออกมาตั้งเเต่ช่วงปลายปี 2022 ก็ตามที
เจดี เซ็นทรัล
ตลาดอีคอมเมิร์ซแข่งเดือด แข่งกันเผาเงินดึงลูกค้ากันหนักยาวมาตั้งเเต่ช่วงโควิด แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ไม่อยากลงเล่นในสงครามก็จำต้องโบกมือลาไป
เมื่อต้นปี JD CENTRAL บริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มเซ็นทรัล กับ JD.com และ JD Finance ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซ และฟินเทคอันดับ 2 ของจีน ในนาม บริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จำกัด ได้ประกาศยุติให้บริการ เว็บไซต์ http://www.jd.co.th หลังการถอนตัวของสองผู้ถือหุ้นหลัก
ย้อนกลับไป เจดี คอมเมิร์ซ เปิดตัวเมื่อปี 2017 ผลประกอบการจะพบว่า เจดีขาดทุนต่อเนื่องมาตลอดห้าปี แม้จะเพิ่งรีแบรนด์ครั้งใหญ่ไปเมื่อปี 2021 เพื่อต่อสู้กับเเบรนด์ดังเจ้าอื่น ๆ เเต่ก็ไม่สามารถยืนหยัดได้
ผลประกอบการ บริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จำกัด
ปี 2017 รายได้ 522 ล้านบาท ขาดทุน 4 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 458 ล้านบาท ขาดทุน 944 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 1,300 ล้านบาท ขาดทุน 1,300 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 3,500 ล้านบาท ขาดทุน 1,400 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 7,400 ล้านบาท ขาดทุน 1,900 ล้านบาท
บริษัทเองก็ออกมาให้เหตุผลว่า ตามนโยบายของ JD.com มุ่งเน้นในการขยายและพัฒนาธุรกิจในตลาดต่างประเทศ โดยการสร้างเครือข่ายซัปพลายเชนข้ามพรมแดนผ่านการกระจายสินค้าและการขนส่งเป็นหลัก
เช่นเดียวกับ ดอลฟิน วอลเล็ต ที่มีชะตากรรมเดียวกัน
แอปพลิเคชันดอลฟิน บริษัทการร่วมทุนเดียวกันกับข้างต้น บริการแรกที่ดอลฟินให้บริการคือ ชำระค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ เพียงแค่สแกนคิวอาร์โค้ดหรือบาร์โค้ดในแอปพลิเคชัน ก่อนที่จะขยายบริการทางการเงินไปในทั้งกลุ่มการชำระเงิน ประกันภัย สินเชื่อส่วนบุคคล การบริหารจัดการสินทรัพย์และการลงทุน
โดยแตกบริษัทย่อยออกเป็น เซ็นทรัล เจดีฟินเทค และเซ็นทรัล เจดี มันนี่ ทั้งหมดอยู่ภายใต้เครือของริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง ผู้พัฒนาบริการอีไฟแนนซ์และฟินเทค ให้บริการการเงินยุคดิจิทัลและสังคมไร้เงินสด
ประกาศยุติการให้บริการเช่นเดียวกับเจดีคอมเมิร์ซ หลังเปิดให้บริการเมื่อปี 2019
ซึ่งเซ็นทรัล เจดี ฟินเทค ขาดทุนสะสม 600 ล้านบาท ขณะที่เซ็นทรัล เจดี มันนี่ ขาดทุนสะสม 2 พันล้านบาท แต่มีรายได้หลักสิบล้านบาท
ซึ่งการขาดทุนไม่ใช่ปัจจัยหลักในการปิดตัว เพียงเเต่ตลาดอีคอมเมิร์ซและการให้บริการเงินดิจิทัลในไทยยังเล็กกว่าประเทศอื่น ๆ หรือประเทศจีนอยู่มาก อาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการรอเวลาเติบโต เเละจังหวะที่เหมาะสม
กระโดดมาที่สายอาหาร
ฟาร์ม ดีไซน์ (Farm Design)
ร้านเบเกอรี่ชื่อดังจากฮอกไกโดที่เปิดให้บริการในไทยมา 14 ปี ก็ประกาศปิดให้บริการไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา ปิดจบสาขาสุดท้ายที่ Fashion Island จากทั้งหมด 26 แห่ง
โดยที่เพจ Farm Design Thailand เป็นผู้ออกมาชี้เเจงว่า “ขอขอบคุณลูกค้าที่น่ารักของ Farm Design Thailand ทุกท่าน พี่มูวววว์และพวกเราทุกคนดีใจ ที่ได้มอบความสุขให้กับทุกท่าน ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา Farm Design สาขา Fashion Island สาขาสุดท้ายของเรา จะให้บริการถึงวันที่ 27 พ.ย. 66 ใครที่คิดถึง Farm Design มาเจอกัน ที่สาขา Fashion Island”
สำหรับร้าน Farm Design เป็นร้านออกสไตล์คาเฟ่ที่นำเสนอเบเกอรี่เเละไอศกรีม มีเมนูดังคือ ชีสเค้ก และ สตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้ก เฟรบเป้
การลาจากของ Farm Design ซึ่งเป็นเเบรนด์ภายใต้พอร์ตของกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ ซึ่งในอนาคตบริษัทเคยเปิดเผยว่ามีโอกาสที่จะนำแบรนด์ขนมหวานหรือเซกเมนต์อื่นเติมเข้ามาแทนที่
เช่นเดียวกันในหมวดของหวาน ไอศกรีมชื่อดังก้องโลกก็ยังต้องโบกมือบ๊ายบายตลาดไทยเช่นกัน
Baskin-Robbins
เชนไอศกรีมชื่อดังจากสหรัฐอเมริกาก็ขอไม่อยู่ต่อเช่นกัน ทยอยปิดร้านในไทยไปตั้งเเต่ปี 2022 เเละปิดตัวหมดทุกสาขาเมื่อเดือนมีนาคม 2023
Baskin-Robbins ในตอนเเรกมาจากการที่ บริษัท โกลเด้น สกู๊ป จำกัด ได้เข้าซื้อ Baskin Robbins จากบริษัท บิ๊กสกู๊ป จำกัด ซึ่ง โกลเด้น สกู๊ป ก็ขาดทุนมาตลอด ก่อนที่ บริษัท มัด แอนด์ ฮาวด์ จำกัด (มหาชน) จะซื้อต่อมาจากโกลเด้น สกู๊ป อีกทอดหนึ่ง
ทำให้ปัจจุบัน Baskin-Robbins ลิขสิทธิ์บริหารงานโดยมัด แอนด์ ฮาวด์ นอกจากนั้น บริษัทยังมีสิทธิ์แฟรนไชส์แบรนด์ดังในมือทั้ง Dunkin’ Donuts และ Au Bon Pain
การไม่ไปต่อของ Baskin-Robbins ยังเป็นที่น่าสนใจว่า เนื่องจากสาขาที่มีอยู่ทั่วทั้งโลก 8,000 สาขา แต่มีสาขาในไทยเพียง 10 สาขา อาจเป็นเพราะแนวโน้มโอกาสในการทำกำไรลดลงต่อเนื่อง ด้วยราคาระดับพรีเมียมที่สวนทางกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ไม่สามารถรับประทานได้ทุกวัน
ประกอบกับการเข้ามาของเเบรนด์เครื่องดื่ม-ไอศกรีม ที่กำลังอยู่ในกระเเสฮอตจากทั้งญี่ปุ่น จีน เกาหลี สหรัฐฯ ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกหลากหลาย ลองของใหม่ที่ trendy กว่า อีกทั้งคนหันมาใส่ใจดูเเลสุขภาพยิ่งขึ้น รับประทานอาหารแบบจำกัดเเคลอรี ทำให้ของหวานได้รับการเลือกน้อยลง
เเต่เเม้จะบอกว่าเทรนด์อาหารหวานเอาต์แล้ว เพราะสายสุขภาพมาเเรงแซงทุกโค้งเข้ามาเเทนที่ เเต่บนสังเวียน Healthy ก็ต่อสู้กันดุเดือดเช่นกัน
จากกระเเสสุขภาพที่ขึ้นมาเป็นเทรนด์หลัก ร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพต่างตบเท้าเข้าเเข่งขันในไทยอย่างคึกคัก แต่ละเเบรนด์ต่างงัดจุดขายออกมาสู้กันอย่างดุเดือด ทำให้การเเข่งขันในตลาดไทยสนุกขึ้นมาก
Squeeze by Tipco
แต่เมื่อปลายเดือน พ.ย. เกิดความน่าใจหายไม่น้อยที่ ร้านสมูทตี้ในตำนาน Squeeze by Tipco ภายใต้การบริหารของบริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของน้ำผลไม้ “ทิปโก้”
เปิดให้บริการมาอย่างยาวนานกว่าสองทศวรรษ ประกาศอำลาลูกค้าอย่างเป็นทางการผ่านเพจเฟซบุ๊ก Squeeze by Tipco
Squeeze by Tipco เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2004 นำเสนอการเป็นแบรนด์สมูทตี้ ผลไม้แท้ในสัดส่วนเกินครึ่งของเก้ว ระดับพรีเมียม มีสาขาส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในชอปปิ้งพลาซา โรงพยาบาล และอาคารสำนักงาน รวม 17 แห่ง ทั้งบริหารเองและแฟรนไชส์ ภายใต้การบริหารงานโดย บริษัท ทิปโก้ รีเทล จำกัด
–





