Marketing : แม้ยังสะดุดอยู่บ้างเป็นระยะ ๆ จากความขัดแย้งทั้งในยุโรปและตะวันออก แต่ก็พูดได้ว่าปี 2023 เป็นปีที่โลกพ้นยุคโควิดเต็มตัว จนผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติและกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ กลับมาคึกคัก

สถานการณ์ที่เอื้ออำนวยดังกล่าว ทำให้วงการเพลงเลิกจัดคอนเสิร์ตออนไลน์หรือแบบเว้นระยะห่าง และศิลปิน นักร้อง และวงดนตรีทั้งหมดสามารถขึ้นเวทีคอนเสิร์ตได้ตามเดิม โดยศิลปินที่ทัวร์คอนเสิร์ตปังสุดของปี 2023 คือ Taylor Swift

มีการประเมินกันว่า Eras World Tour ของ Taylor Swift ทำเงินเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือไปถึง 2,200 ล้านดอลลาร์  (ราว 80,300 ล้านบาท) ถือว่ามากสุดของแถบนี้เท่าที่เคยมีมา และจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทุกประเทศที่ไปจัดคอนเสิร์ต

ซึ่งประเทศล่าสุดที่กำลังเก็บเกี่ยวดอกผลจาก Eras World Tour คือสิงคโปร์

มีการประเมินว่าตลอด 6 วัน (2, 3, 4, 7, 8 และ 9 มีนาคม) ของคอนเสิร์ตในประเทศเล็กพริกขี้หนูของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมีเงินเข้าประเทศ 372 ล้านดอลลาร์ (ราว 13,300 ล้านบาท) เลยทีเดียว

นอกจากนี้ ปี 2023 ยังเป็นปีทองของ Taylor Swift เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีไปหมด และอะไรหรือใครที่เกี่ยวข้องกับเธอก็จะได้รับผลดีไปด้วย จน Time นิตยสารข่าวชื่อดังของสหรัฐฯ ยกให้เธอเป็นบุคคลแห่งปี 2023

ความสำเร็จของ Taylor Swift สาวน้อยไล่ตามฝันในวงการเพลงคันทรีเมื่อ 18 ปีก่อน ที่ปัจจุบันเป็นนักร้องหญิงระดับตัวแม่ตัวมัมเบอร์ต้น ๆ ของยุค

ทำให้มีการวิเคราะห์กันถึงเคล็ดลับความสำเร็จ เป็น How to ให้ศิลปินนักร้องคนอื่น ๆ รวมไปถึงแบรนด์นำไปปรับใช้

 

ทัชใจด้อม:  เคล็ดลับความสำเร็จแรกที่พาให้ Taylor Swift ประสบความสำเร็จคือการสร้างฐานแฟนเพลงที่รักเธออย่างจริงใจ หรือ Organic Fandom โดยเธอมีมาแล้วนานพอสมควร ซึ่งกลุ่มแฟนเพลงของเธอเรียกตัวเองกันว่า Swifties

ท่ามกลางกลุ่ม Swifties ทั่วโลก มี 89 คนที่ Taylor Swift เลือกให้ได้เข้าไฟเพลงชุด 1989 ถึงที่บ้านของเธอเมื่อปี 2014 ซึ่งทุกคนตอบตรงกันว่าเธอไม่ถือตัวและปฏิบัติกับทุกคนเหมือนเพื่อน

แคมเปญดังกล่าวทำให้แฟน ๆ Swifties ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ช่วยกระจายเรื่องน่าประทับใจ หรือตามสำนวนไทยปัจจุบันที่ว่า “ทัชใจ” เกี่ยวกับตัว Taylor Swift พร้อมช่วยสร้างความเป็นชุมชนและขยายสายสัมพันธ์ของ Swifties ไปทั่วโลก

ซึ่งหากแบรนด์ไหนทำได้ก็ย่อมมีด้อมที่ช่วยกระจายเรื่องดี ๆ อันจะส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้เช่นกัน

 

รัวคอนเทนต์: เคล็ดลับข้อต่อมาที่ส่งให้ Taylor Swift เป็นนักร้องหญิงเบอร์ต้น ๆ ของยุคนี้ คือ การมีเรื่องราวและความเคลื่อนไหวปรากฏออกสื่ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องดี ๆ

เช่น การบริจาคเงินและอาหารให้ Food Bank องค์กรการกุศลด้านอาหารในสหรัฐฯ และให้โบนัสแก่คนขับรถบรรทุกกับฝ่ายขนย้ายอุปกรณ์ทั้ง 50 คน อยู่ที่ระหว่าง 5,000 ถึง 10,000 ดอลลาร์ (ราว 178,000 ถึง 357,000 บาทต่อคน)

ไปจนถึงข่าวน่ารัก ๆ อย่างการเชิญ Taylor Lautner แฟนเก่ามาแสดง MV พร้อมขึ้นเวที และเรื่องรักระหว่างเธอกับ Travis Kelce แฟนคนปัจจุบัน ซึ่งเขายังเป็นตัวอย่างผู้ชายหุ่นล่ำหล่อละมุน หรือ Soft Jocks ขวัญใจสาว ๆ ยุคนี้อีกด้วย 

แผนรัวคอนเทนต์เหล่านี้ ในทางการตลาดคือการทำให้แบรนด์มีพื้นที่อยู่ในสื่อเสมอ เพื่อให้ผู้บริโภคจำได้ผ่านทั้งกิจกรรมดี ๆ เพื่อสังคม (CSR) และข่าวสารต่าง ๆ นั่นเอง

 

กล้ารีแบรนด์: ส่วน Key Success ข้อสุดท้ายของ Taylor Swift คือการปรับทั้งภาพลักษณ์และแนวเพลงให้ร่วมสมัยอยู่เสมอ

จากคันทรีชัด ๆ ในชุดแรกเพลงของเธอก็เปลี่ยนเป็นจังหวะสนุกพร้อมอิทธิพลของแร็ป ฮิปฮอป และเสียงสังเคราะห์ในชุด 1989

หรือลงไปช้าเคลิ้มชวนฝันแบบเพลงแนวอินดี้-พ็อป จนเปลี่ยนมาเพลงสนุก ๆ ที่มีเสียงสังเคราะห์จัด ๆ ในชุด Midnight เมื่อปี 2022 และคว้านักร้องดัง ๆ อย่าง Post Malone และ Florence มาร่วมงานในชุดใหม่ที่จะออกเมษายน 2024 นี้

Taylor Swift กล่าวถึงปรับเปลี่ยนเพลงให้ร่วมสมัย หลังแตกกับผู้จัดการส่วนตัวจนต้องมาบันทึกเสียง 4 อัลบัมแรกใหม่ว่า ถ้าไม่ปรับตัว ก็จะถูกค่ายเพลงลืม โดนเขี่ยทิ้งแล้วดันนักร้องรุ่นใหม่ ๆ ขึ้นมาแทน แล้วตกยุคจนหายไปจากวงการเหมือนศิลปินรุ่นก่อน ๆ

หากมองด้วยเลนส์ทางการตลาด การปรับให้เพลงและภาพลักษณ์ร่วมสมัยอยู่เสมอนี้คือการรีแบรนด์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์ควรทำเพื่อไม่ให้ตกยุค

และกันไม่ให้เป็นแบรนด์ที่เคยดังในอดีต แต่ปัจจุบันไม่กล้าปรับตัว จนเป็นแค่เรื่องเก่าให้นึกถึงเท่านั้น ♦/inc, theguardian, cnbc, cnn


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer