ฟาร์มเฮ้าส์ ไม่เคยหยุดพัฒนา เพื่อครองความเป็นที่ 1 ในใจคนไทยตลอดไป

เข้าสู่ปีที่ 42 ที่ ฟาร์มเฮ้าส์” (Farmhouse) เปิดเตาเสิร์ฟขนมปังคุณภาพ สดใหม่ หอมกรุ่นจากเตาให้กับคนไทย และเป็นอีกหนึ่งสมัยที่ยังคงรักษาตำแหน่ง แบรนด์ขนมปัง (Bread) ยอดนิยมอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคทั่วประเทศ Marketeer No.1 Brand Thailand ได้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน

เคล็ดลับการครองความเป็นอันดับหนึ่งอย่างยาวนานของฟาร์มเฮ้าส์คืออะไร วันนี้ Marketeer ได้รับเกียรติจาก คุณอภิเศรษฐ ธรรมมโนมัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) มาเปิดความลับหลังเตาอบให้ได้รับทราบพร้อมกัน

เติบโตต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น

ตลาดขนมปังและเบเกอรี่ไทย ในปี 2566 มีมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท เติบโตต่อปีเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมา 3-5% และคาดการณ์ปี 2567 จะเติบโต 7-8% โดย “ขนมปังแผ่น” นับเป็นสัดส่วนหลักของตลาดประมาณ 30% ขณะที่ 70% เป็น “ขนมปังพร้อมรับประทาน”

ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญของการเติบโตที่ดีของตลาดมาจากการฟื้นตัวจากวิกฤตโรคระบาดเต็มตัว ที่เสริมทั้งการท่องเที่ยว ผู้บริโภคใช้ชีวิตข้างนอกเป็นปกติ รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ทางเลือกเพื่อสุขภาพมากขึ้น และฟาร์มเฮ้าส์ยังคงรักษา Market Share อันดับหนึ่งของตลาดได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยยอดขายปี 2566 ประมาณ 8,000 ล้านบาท

“อย่างที่พูดอยู่เสมอว่า โควิด-19 ทำให้เราต้องปรับตัวหลายอย่าง แต่ในขณะเดียวกันก็ได้เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ต่อยอดมาได้ดีจนถึงวันนี้ โดยเฉพาะเรื่องการขายออนไลน์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า ทั้งช่องทาง LINE และ Website ของฟาร์มเฮ้าส์เอง ถือเป็นการพัฒนาที่ดี

แม้พฤติกรรมของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปตลอดเวลา แต่สำคัญสุดในการตัดสินใจซื้อขนมปังคือ ‘รสชาติต้องอร่อย’ นี่คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรายังคงเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งเราได้สำรวจตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อดูว่า Brand Awareness ยังอยู่ดีไหม คู่แข่งคนไหนขึ้นมาเป็น Player ในตลาด ผลก็คือยังได้รับการตอบรับที่ดีเสมอมา ทั้งให้เราตั้งเป้าปีนี้เติบโต 10% และเป้ายอดขายแตะ 10,000 ล้านบาทในปี 2570”

กลยุทธ์การตลาดใหม่ ๆ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค

คุณอภิเศรษฐแสดงความเห็นว่า วัฒนธรรมการรับประทานขนมปังของไทยมีเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อน เนื่องจากตอบโจทย์ความสะดวกรวดเร็ว อีกทั้งยังได้รับอิทธิพลจากสื่อต่าง ๆ ซึ่งมีผลในการช่วยขับเคลื่อนภาพรวมตลาด อย่างไรก็ดี ปริมาณการรับประทานต่อคนเมื่อเปรียบเทียบกับบางประเทศในภูมิภาคก็ยังน้อยกว่าหนึ่งเท่าตัว ทำให้ตลาดยังมีช่องทางเติบโต

“ขนมปังเป็นอาหารที่ไปพร้อมกับความสมัยใหม่และความสะดวก รับประทานข้าวต้องหุง มาม่าต้องต้มน้ำ แต่ขนมปังรับประทานได้เลย การนำมาประกอบอาหารก็แค่มีแฮม ชีส แยม หรือสเปรดต่าง ๆ ก็จบ พร้อมรับประทาน เช่นเดียวกับร้านอาหารที่มีเมนูขนมปังเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับสมัยก่อน ซึ่งสื่อต่าง ๆ มีผลในการเปลี่ยนวัฒนธรรมการรับประทานขนมปังของไทย มีการ Tie-in กินแซนด์วิชในหนังฟอร์มยักษ์ระดับโลก ซึ่งนี่เองช่วยส่งเสริมได้เป็นอย่างมาก”

ใน 2-3 ปีที่ผ่านมาฟาร์มเฮ้าส์เองก็ได้ทำการตลาดโดย Tie-in ขนมปังเข้าไปอยู่ในซีรีส์ผ่าน 2 พรีเซนเตอร์ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ รอยัล เบรด อย่าง มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง และ อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ รวมถึงภาพยนตร์โฆษณาและกิจกรรมการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มแฟนคลับ ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีเกินคาดมาก ๆ อีกทั้งยังมีการเปิดตัวนักแสดงสาว “เบลล่า ราณี” เป็นพรีเซนเตอร์ในแคมเปญ ฟาร์มเฮ้าส์ความสุขของเบลล่า หรือ “อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม” ที่เป็นพรีเซนเตอร์ขนมปังโฮลวีตอีกด้วย

“เราพยายามทำสิ่งใหม่ ๆ ทำกิจกรรมทางการตลาดที่ดี เพื่อทำให้ผู้บริโภครู้สึกมั่นใจในแบรนด์ Recognize ว่าเราเป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่ผู้บริโภคเชื่อถือ และยังเป็นการตอบแทนผู้บริโภคด้วยกิจกรรมมอบความสุขให้กับผู้บริโภคได้มีโอกาสพบปะดาราที่ชื่นชอบ

นอกจากการใช้พรีเซนเตอร์แล้ว เรายังเป็นแบรนด์วงการธุรกิจ Food & Beverage เจ้าแรกของไทยที่สร้าง Virtual Brand Ambassador เป็นของตัวเอง ชื่อว่า Fumi Hausu เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเด็ก ๆ ในรูปแบบภาพยนตร์โฆษณาแอนิเมชัน  

ซึ่งตอนทำโฆษณาแอนิเมชันครั้งแรก ก็ได้ผลการตอบรับจากแฟน ๆ เด็กวัยรุ่นที่ดี ยอดไลก์ ยอดวิว และคอมเมนต์ในออนไลน์เยอะมาก จนเราตกใจเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจะเลือกพรีเซนเตอร์ต่าง ๆ หรือขับเคลื่อนใด ๆ จึงจำเป็นต้องให้ความสําคัญและใส่ใจว่ามีฐานแฟนคลับอยู่ด้านไหน ชอบอะไร แล้วก็ทำโฆษณาออกมาให้แฟนคลับมีความสุข”

ลงทุนในทุกมิติ เพื่อคุณภาพและความสดใหม่ หอมกรุ่นจากเตาทุกวัน

สำหรับ Key Success ที่ทำให้แบรนด์ฟาร์มเฮ้าส์ยังคงเป็นอันดับหนึ่งต่อเนื่องมาอย่างยาวนานนั้น ยังคงเป็นแกนหลักดังเดิมคือ การเน้นคุณภาพ ความสดใหม่ หอมกรุ่นจากเตาทุกวัน เหมือนเดิมตลอด 42 ปี

“ย้ำเสมอว่า เราเป็นแบรนด์ที่เน้นคุณภาพ ความสดใหม่ ฟาร์มเฮ้าส์หอมกรุ่นจากเตาทุกวัน เป็นสิ่งที่เราทำมาตั้งแต่เริ่ม ตอนนี้ก็เป็นปีที่ 42 แล้ว เราเป็นแบรนด์แรกที่มีวันผลิตหมดอายุอยู่บนซอง เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ไม่มีใครมี จากนั้นก็มีการไปสํารวจตลาดว่า ผู้บริโภคชอบค้นหาของใหม่ ๆ ที่อยู่ด้านหลังชั้นวาง เราจึงทำเป็นกิ๊บบอก 7 สี 7 วัน ตามวันที่ลงขาย ทำให้เกิดความสะดวก

และเมื่อก่อนวันผลิตหมดอายุจะอยู่บนกิ๊บทุกเจ้าก็ทำตาม แต่ปรากฏว่ากิ๊บหาย เราจึงปรับมาพิมพ์ลงบนซองเลย อีกทั้ง ติดกิ๊บคนก็แกะง่ายอาจดูเสี่ยงเรื่องความสะอาด เราเลยลงทุนซื้อเครื่องจักรซีลปากถุงแบบ Ultrasonic

เพื่อให้ความมั่นใจกับผู้บริโภคว่า คุณแกะคนแรก จะเป็นซีลปากถุงที่แกะง่าย  เราเน้นเรื่องคุณภาพจริง ๆ เรามั่นใจว่าคุณภาพของเรา Above Standard ราคาที่ผู้บริโภคได้ไป กับคุณค่าที่เราใส่เข้าไป เราสูงกว่าตลาดเสมอ ไม่ว่าเวลานี้หรือเวลาไหน

คุณภาพของเรามาจากการลงทุนในส่วนของ R&D อย่างจริงจัง เพื่อยกระดับคุณภาพให้ตอบโจทย์กับทุก ๆ ความต้องการที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยอยู่เสมอ เราให้ความสำคัญและจริงจังกับการพัฒนาและยกระดับทั้งเรื่องของคุณภาพและรสชาติ

ที่โรงงานบางชันเรามีทั้งห้อง Lab ห้อง Sensory ห้อง R&D เราลงลึกถึงความถูกใจในกลุ่มคนที่หลากหลาย ทีมงานแผนกต่าง ๆ ในบริษัทจะต้องถูกเข้าไปเทรนเรื่องการรับรสชาติเพื่อมีส่วนในการชิมโปรดักส์ต่างๆ

โดยทีมงานส่วนกลางที่เป็น Sensory คอยฝึกเพื่อชิมให้ได้ว่า รสไหน เนื้อไหน สัมผัสไหน ตามที่ Determine ตรงนี้ลงทุนเยอะมากจริง ๆ อีกทั้งยังมีในส่วนของห้องแล็บห้องครัวที่ลงทุนไปราว 40 ล้าน นอกจากนี้ ยังส่งทีมงานไปเทรนที่ฝรั่งเศสอย่างต่อเนื่อง และนำมาถ่ายทอดเพื่อยกระดับในทุกมิติ เพื่อรักษาคุณลักษณะที่โดดเด่นในด้าน “คุณภาพ” ของเราไว้เสมอ

เรื่อง “ความสดใหม่” เรามีทีมงานหน่วยรถฝ่ายขายมากกว่า 1,000 คัน เป็นรถของเราเองทั้งหมด เราลงทุนซื้อรถใหม่ทุกปี เพราะว่ารถเก่าทั้งปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เยอะ คุณภาพไม่ดี เปลืองน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง และปัญหาต่าง ๆ อีกมากมาย อีกอย่างรถส่งขนมปังของเราจะมียกตู้คาร์โก้ด้านหลังสูง เพื่อให้เหมาะสมกับศูนย์ส่งสินค้าของเราที่ยกพื้นสูง เราลงทุนเพื่อให้พนักงานทำงานสะดวก สบาย ถูกสุขลักษณะ และในอนาคตจะลงทุนทำโรงงานแป้งเป็นของตัวเองอีกด้วย

เราลงทุนเพื่อที่จะส่งขนมปังไปให้ผู้บริโภคทุกวันที่หน้าร้าน เราน่าจะเป็นเจ้าเดียวในไทยที่ส่งขนมปังที่ไม่ส่งไปศูนย์กระจายสินค้า เราส่งไปที่หน้าร้านคู่ค้าโดยตรงเองทั้งหมดทุกที่เลย หลักการส่งของเราขนมปังจะอยู่ที่หน้าร้านประมาณ 48 ชั่วโมงบวกลบไม่เกินนี้

ก็คือ เอาของไปลงวันจันทร์ ถ้าวันพุธเกิดของขายไม่ออก เราจะเปลี่ยนให้เอาของใหม่ไปแทนทันที ซึ่งจริง ๆ แล้วขนมปังของเรายังเก็บได้อีก 3-4 วันสบาย ๆ แต่เราต้องการส่งมอบขนมปังที่สดใหม่ให้กับผู้บริโภค นี่คือสิ่งที่เราให้ความมั่นใจกับผู้บริโภคได้ว่าของเราจะคุณภาพดีตลอด สดใหม่ ไม่มีของหมดอายุคาชั้นวางสินค้า” 

คุณอภิเศรษฐยังเสริมถึง กลุ่มแม่ค้าแซนด์วิช” ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกค้าสำคัญของฟาร์มเฮ้าส์ รวมถึงโครงการ Good Morning Farmhouse” ที่เริ่มมากว่า 2 ทศวรรษ และสามารถสร้างอาชีพให้กับคนไทยได้อีกทางหนึ่ง

“โครงการ Good Morning Farmhouse เริ่มมากว่า 20 ปีแล้ว ด้วยรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์ ฟาร์มเฮ้าส์ คอนเนอร์ที่ให้โอกาสผู้ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง สามารถประกอบการได้ในเวลาสั้น ๆ แต่ได้ผลกำไรคุ้มค่า เป็นโต๊ะตู้สเตนเลสไปตั้งขายแซนด์วิชตามจุดต่าง ๆ หน้าสถานศึกษา ป้ายรถเมล์ ซึ่งอีกปัจจัยที่เราส่งเสริมโครงการนี้คืออยากให้คนได้รับประทานขนมปังแบบง่าย ๆ เป็นชีวิตประจําวันและหาซื้อขนมปังแซนด์วิชทำสดรับประทานได้

ความสำเร็จของโครงการนี้ก็ได้ต่อยอดเป็นอาชีพให้กับคนมากมาย แม้หลังจากนั้นคนก็เริ่มทำเองโดยไม่ได้มาเป็นแฟรนไชส์กับเรา แต่เราก็ยังพร้อมส่งสินค้าสดใหม่ให้ถึงมือกลุ่มแม่ค้าแซนด์วิชทุกท่านในทุก ๆ วัน นอกจากนี้ เรายังมีกลุ่มแซนด์วิชไทยแลนด์ ที่มีแฟนเพจอยู่ประมาณ 200,000 คน ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มคนที่ทำแซนด์วิช รับสั่งทำ เปิดเป็นร้าน มีอาชีพของตัวเอง มาร่วมแชร์ความรู้ให้แก่กัน”

ในฐานะผู้นําตลาด ฟาร์มเฮ้าส์ ยังให้ความสำคัญกับการปรับตัวรับเทรนด์ความต้องการใหม่ ๆ ของผู้บริโภคอยู่เสมอ เช่น เทรนด์สุขภาพที่ผู้คนให้ความสนใจอย่างมาก ฟาร์มเฮ้าส์ได้เสิร์ฟขนมปังที่พัฒนาสูตรมาเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว

และเป็นแบรนด์แรกในไทยที่ได้ “สัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ” ด้วยขนมปังโฮลวีตที่มีใยอาหาร ไม่มัน ไม่เค็ม โคเลสเตอรอลต่ำ แต่ยังคง “รสชาติอร่อย” ไว้เช่นเดิม ซึ่งขนมปังกว่า 120 ชนิดของฟาร์มเฮ้าส์ที่อยู่ในตลาด มีการปรับคุณภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นความหอม นุ่ม เด้ง โดยไม่ได้เพิ่มราคาแต่อย่างใด นอกจากนี้ ปรับรสชาติสูตรเดิม ในทุก ๆ ปียังมีสินค้าใหม่นำเสนอให้กับผู้บริโภคอยู่เสมอกว่า 10 ชนิดอีกด้วย

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer