Trend/โชว์ส่วนใหญ่ที่สามารถดึงคนเรือนพันเรือนหมื่นให้เข้ามาดูได้ ต้องเป็นโชว์ของนักร้องหรือวงดนตรี โดยยิ่งคนบนเวทีดังเท่าไรจำนวนผู้ชมก็จะยิ่งมากเท่านั้น
ปัจจุบันเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงให้เห็น เพราะคนดังที่ดึงคนให้ออกจากบ้านมาดูได้ ไม่ได้มีแต่นักร้องอีกต่อไป เพราะมีที่มาจากรายการพอดแคสต์ด้วย

สถานที่จัดคอนเสิร์ตในอังกฤษไล่ตั้งแต่หอประชุมใหญ่ เทศกาลดนตรี หรือแม้กระทั่ง สนามกีฬาโอทู อารีน่า เริ่มมีการจัดทอล์กโชว์ที่ต่อยอดมาจากรายการพอดแคสต์กันมากขึ้น

ในจำนวนนี้ความสำเร็จที่อาจเรียกได้ว่ามีนัยสำคัญคือ ทอล์กโชว์การเมือง จากรายการพอดแคสต์ เดอะ เรสต์ อิสโพลิติก ในสนามกีฬาโอทู อารีน่า เพราะตั๋วเต็มความจุที่นั่งทั้ง 20,000 ใบขายหมด

และเป็นที่รู้กันในหมู่ชาวอังกฤษกับคนวงการจัดอีเวนต์ว่า ต้องเป็นศิลปินหรือวงดนตรีดังจริง ๆ เท่านั้นที่จะมาจัดคอนเสิร์ตในโอทู อารีน่าได้
ทอล์กโชว์จากรายการพอดแคสต์ เดอะ เรสต์ อิสโพลิติก ยังทำให้นักร้องรุ่นใหญ่บางคนหรือวงดนตรีบางวงต้องเจ็บใจ เช่น เจนนิเฟอร์ โลเปซ หรือ เดอะ แบล็กคีย์ส เพราะเพิ่งต้องยกเลิกคอนเสิร์ตไปหลังตั๋วขายได้น้อยเกินคาด
ตรงข้ามกับโชว์จากทอล์กโชว์ดังกล่าวที่มีคนมาดูมากกว่าคอนเสิร์ตของพวกตน ทั้งที่เป็นแค่การไปดูคนพูดไม่มีการแสดงดนตรี
ส่วนทั่วโลกก็มีทอล์กโชว์ขายตั๋วที่ต่อยอดมาจากรายการพอดแคสต์กันมากขึ้นเช่นกัน เช่น ทอล์กโชว์ประวัติศาสตร์ การเมือง สร้างแรงบันดาล โชว์ที่เน้นจับกลุ่ม Gen Z และที่ขาดไม่ได้เลยคือตลกแบบเดี่ยวไมโครโฟน

มีหลายสาเหตุที่ส่งให้ทอล์กโชว์จากพอดแคสต์ได้รับความนิยม อันดับแรก คือ แก่นของโชว์ โดยปัจจุบันพอดแคสต์ถือเป็นคอนเทนต์แบบเสียงที่คนทั่วโลกโดยเฉพาะ Gen Z ฟังกันมากถัดจากเพลง
ข้อมูลจาก Spotify ระบุว่า ระหว่างปี 2022 ถึง 2023 เจ้าของบัญชีผู้ใช้ในแพลตฟอร์มที่เป็นกลุ่ม Gen Z ฟังพอดแคสต์เพิ่มขึ้นถึง 58% และเฉพาะครึ่งปี 2023 ยอดขายฟังรายการพอดแคสต์ทั่วโลกก็มากถึง 250 ล้านครั้ง
ขณะที่คนในช่วงวัยอื่น ๆ ก็ใช้พอดแคสต์เป็นช่องทางหาความรู้ เป็นเพื่อน หรือเสียงคลอไประหว่างทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อไม่ให้การอยู่คนเดียวเงียบเหงาเกินไป แบบเดียวกับการฟังวิทยุในอดีตนั่นเอง ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พอดแคสต์ได้รับความนิยม
สาเหตุต่อมาที่ส่งให้รายการทอล์กโชว์ต่อยอดจากพอดแคสต์มีให้เห็นกันมากขึ้น มาจากผู้ฟังอยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้น พร้อมรับรู้อารมณ์ร่วมกับแฟนรายการคนอื่น ๆ

หลังติดใจติดตามจากการเป็นผู้ฟัง ผ่านการเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ซึ่งแต่ละคนก็ยิ้ม หัวเราะ หรือได้รับความรู้อยู่เพียงฝ่ายเดียวมานานพอสมควร
นี่ถือเป็นการยกระดับการเข้าสังคมรูปแบบหนึ่ง หลังบรรดาผู้ฟังที่ต่อยอดมาสู่ผู้ชมกับผู้จัดรายการพอดแคสต์รู้จักและมีอารมณ์ร่วมกันแบบห่าง ๆ
ผ่านความสัมพันธ์แบบกึ่งมีส่วนร่วมทางสังคม (Para Social) มาแล้วกับรายการพอดแคสต์ก่อนหน้านี้
สื่ออังกฤษที่ตีแผ่เทรนด์นี้รายงานว่า ผู้ชมส่วนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยินดีต่อการสนทนา ไปกินข้าว หรือสานสัมพันธ์กับผู้ชมอื่น ๆ ที่ไปดูโชว์ เพราะมั่นใจว่าคิดเห็นและชอบอะไรเหมือน ๆ กัน

เหตุผลต่อมาคือ ผู้ชมทุกคนต่างก็อยากเห็นตัวจริงของผู้จัดรายการพอดแคสต์ ส่วนฝ่ายหลังก็เป็นทั้งโอกาสได้พบปะแฟน ๆ สัมผัสอารมณ์ร่วม
รวมไปถึงตอบโต้กับผู้ชม แบบเดียวกับการที่ตัวละครในหนัง ซีรีส์ การ์ตูน หันมาพูดกับผู้ชม หลังพูดอยู่คนเดียวมานาน นั่นเอง และยังสามารถทำเงิน กับต่อยอดทางธุรกิจไปได้อีกหลายทางอีกด้วย
อันเป็นการสะท้อนว่ายุคนี้ โอกาสการเป็นคนดังมีมากขึ้น ซึ่งที่เห็นชัดคือบรรดาคนดังจากสื่อออนไลน์ประเภทต่าง ๆ รวมไปถึงพอดแคสต์ โดยที่ฝ่ายเจ้าของสถานที่และทีมจัดอีเวนต์ก็พร้อมขานรับเพื่อเปิดตลาดใหม่ ๆ เช่นกัน
ส่วนเหตุผลสุดท้ายคือ คนในยุคนี้อยากได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการดูโชว์ หลังอุดอู้อยู่แต่ที่บ้านที่ห้องมานานตลอดช่วงล็อกดาวน์

และเห็นว่า ทอล์กโชว์จากพอดแคสต์เป็นทางเลือกใหม่ นอกเหนือไปจาก คอนเสิร์ต เทศกาลดนตรี หรือละครเวที-ละครเพลง และมีคอนเทนต์ความรู้อยู่ด้วย
ถือเป็นการใช้เวลาที่เกิดประโยชน์และดีกว่าการชมคอนเสิร์ตหรือละครเพลงละครเวที ที่ได้แต่ความบันเทิงเท่านั้น/theguardian
–
