Work / ไม่ว่าเทรนด์จะเปลี่ยนไปอย่างไร สถานการณ์เศรษฐกิจจะรุนแรงแค่ไหน หรือเทคโนโลยีจะก้าวล้ำไปมากเพียงใด ท้ายที่สุดคนทำงานในทุกสาขาอาชีพต่างก็ยังต้องทำงานกันต่อไป เพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของตนในองค์กร รักษาความภาคภูมิใจ และนำค่าตอบแทนที่ได้มาเลี้ยงตัวเองและจุนเจือครอบครัว

อย่างไรก็ตาม การทำงานก็ควรดำเนินไปอย่างพอดี ไม่มากเกินไป จนกลายเป็นภาวะงานเป็นพิษ (Toxic Productivity) ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ชีวิตจิตใจและครอบครัว
ทรุดไม่รู้ตัวเพราะปักหมุดรัว ๆ: ภาวะงานเป็นพิษประเภทแรก คือ การตั้งเป้าหรือกำหนดตารางทำงาน รวมไปถึงปักหมุดเรื่องต้องทำตามกรอบเวลาไว้ แต่กลับลืมมองว่า มากเกินไปหรือไม่ จะทำไหวหรือไม่ (Overcommitting) หรือและงานแต่ละอย่างจะสำเร็จได้ตามเป้าจริงหรือไม่
อิสรา นัสรี โค้ชเรื่องการบริหารจัดการเวลาที่เขียนหนังสือตีแผ่ภาวะงานเป็นพิษระบุว่า การตั้งเป้าหรือลงตารางงานเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ชีวิตแต่ละวันมีเป้าหมาย รู้ล่วงหน้าว่าควรทำอะไร แต่ก็ไม่ควรให้มากเกินไป
ทางตัดไฟไม่ให้เกิดการลงตารางงานรัว ๆ มากเกินไป คือ ควรมีการคัดกรองเรื่องที่ต้องทำในทุก ๆ สัปดาห์ (Weekly Audit) โดยให้พิจารณาอย่างรอบคอบว่าเรื่องไหนจำเป็นต้องทำหรือเรื่องไหนที่สามารถตัดออกไปก่อนได้
ประโยชน์ของการคัดกรองงานเป็นประจำ นอกจากทำให้งานเสร็จอย่างมีคุณภาพแล้ว ยังตัดปัญหาการวิ่งวนทำงานต่อเนื่องจนไม่ได้พักแบบหนูถีบจักรได้อีกด้วย
ชีวิตสะดุดเพราะหลงผิดเรื่องเสียเวลาไปเปล่า ๆ: ภาวะงานเป็นพิษประเภทที่ 2 คือการทำตัวเองให้ดูยุ่งเข้าไว้ เพราะคิดว่าการอยู่นิ่ง ๆ เป็นสิ่งสูญเปล่าหรือกลัวจะถูกมองว่าเป็นคนไร้ค่า จนที่สุดกลไกชีวิตรวนหมดกำลังใจจะทำอะไรเพราะล้าเกินรับไหว (Succumbing to Emotions)
อิสรา นัสรี กล่าวว่า นี่คือความหลงผิด เพราะแท้จริงแล้วการพักผ่อนก็จำเป็น และถือเป็นการใช้เวลาอย่างมีคุณภาพอีกรูปแบบหนึ่ง
ดังนั้น ทางตัดไฟไม่ให้ใจล้าเกินไป คือการหมั่นสังเกตระบบต่าง ๆ ในร่างกาย สภาพอารมณ์และจิตใจตัวเอง (Self Reflection) เพื่อหาเวลาฮีลใจและเปิดโอกาสให้ร่างกายได้พักบ้าง
คิดว่ายังรับไหวจนพังเพราะงานล้นมือ: ภาวะงานเป็นพิษประเภทสุดท้ายที่เหล่าคนทำงานทุกคนรู้จักดี แต่กลับยังเป็นปัญหามาทุกสมัย นั่นคือ การรับงานทำมากเกินไป เพราะคิดว่ายังไหว จนที่สุดงานล้นมือ (Multitasking)
ภาวะงานเป็นพิษประเภทนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากการคิดว่าตัวเองยังทำไหว ความจำเป็น ภาวะจำยอมหรือถูกบีบบังคับ แต่ไม่ว่าจากสาเหตุใดก็ไม่ดีทั้งสิ้น โดยเฉพาะในระยะยาวที่จะให้ประสิทธิภาพงานลดลง
วิธีการตัดไฟไม่ให้เกิดภาวะงานล้นมือ คือการปรับทัศนคติและรูปแบบการทำงาน โดยควรเปลี่ยนมาทำงานให้เสร็จเป็นงาน ๆ ไป (Monotasking) หรือหันมาเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณนั่นเอง/fastcompany
–
