ในที่สุดปี 2567 บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ที่ทำกำไรอย่างต่อเนื่องหลายปีก็พลิกกลับมาขาดทุนที่ 304.58 ล้านบาท (-121.8%)

ทั้ง ๆ ที่ปี 2566 ที่ผ่านมาทำกำไรไว้ได้ถึง 1,395 ล้านบาท

ในขณะที่รายได้รวมเท่ากับ 2,678.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 26.6 จากปีก่อนหน้า

ส่วนบริษัทแกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ปีที่ผ่านมาขาดทุนสุทธิ 132.56 ล้านบาท ปีนี้กลับมาได้กำไรที่ 195.57 ล้านบาท 

มีรายได้ 6,165 ล้านบาท เติบโต 3.9% เทียบกับปี 2566

“อากู๋” ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม กับ “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ คือ 2 คู่แข่งผู้ยิ่งใหญ่ในวงการเพลงจากค่าย “GRAMMY” และ “RS” ที่ถูก Digital Disruption จนต้องเปลี่ยนเกม พลิกกลยุทธ์ในการทำธุรกิจใหม่ ๆ กันอย่างต่อเนื่อง

 ก่อนเจ็บหนักเหมือนกันทั้งคู่หลังกระโจนลงสู่สงครามทีวีดิจิทัลเมื่อปี 2557

อากู๋ต้องใช้วิชาตัวเบา ลีนองค์กร ด้วยการขายธุรกิจ ขายหุ้น และลดจำนวนพนักงาน

จากนั้นก็กลับมาจริงจังในธุรกิจดั้งเดิมของตัวเอง นั่นคือธุรกิจเพลง

ส่วนเฮียฮ้อพลิกเกมมาขายเครื่องสำอางและอาหารเสริมเป็นหลักแทนธุรกิจเพลง ก่อนที่จะขยายไปขายเครื่องดื่ม ธุรกิจอาหารสัตว์ และบริษัทรับทวงหนี้ ฯลฯ

จนปี 2561 อาร์เอสทำรายได้สูงที่สุดนับตั้งแต่ตั้งบริษัทมา 37 ปี โดยรายได้อยู่ที่ 3,955 ล้านบาท กำไร 516 ล้านบาท

ปี 2566 ยังทำรายได้ที่ 3,805.23 ล้านบาท กำไร 1,395.23 ล้านบาท  

ก่อนหน้านี้ เฮียฮ้อ ได้รับการยอมรับกันว่าเป็นคนมองการณ์ไกลพลิกเกมธุรกิจเก่งจนสามารถทำให้อาณาจักรอาร์เอสเติบโตได้อย่างมั่นคง

ส่วนอากู๋ ผู้มีสไตล์ระมัดระวังตัว ยังยึดเพลง เป็น “ขุมทรัพย์” ยังคงขาดทุนต่อเนื่องและมาพลิกทำกำไรได้อีกครั้งในปี 2561 ที่ 15 ล้านบาท รายได้ 6,984 ล้านบาท ก่อนที่จะมาขาดทุนอีกครั้งในปี 2566

แล้วทำไมปีนี้รายได้และกำไรของอาร์เอสสะดุด เหตุผลหลัก ๆ มาจาก   

การอ่อนตัวของ 2 ธุรกิจหลัก คือธุรกิจพาณิชย์ ลดลง 8.2% จากการชะลอตัวของ RS Mall ที่ความนิยมของ Home Shopping  ลดลง แม้ช่องทางออนไลน์จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีฐานรายได้ที่เล็กเมื่อเทียบกับช่องทางเดิมที่ชะลอตัว ส่วนธุรกิจใหม่ ERB และ HATO มีอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าคาด 

ส่วนธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ลดลง 38.5% จากการที่รายได้สื่ออ่อนตัวลง และคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ที่ลดลง รวมทั้งรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่ลดลง

ส่วนรายได้ของแกรมมี่ในปี 2567 มาจากเพลง 4,063.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% โดยธุรกิจ Digital และธุรกิจโชว์บิซซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของการสร้างรายได้ที่มีเสถียรภาพและมีความมั่นคง อันดับ 2 คือ โฮม ช้อปปิ้ง รายได้ 1,163 ล้านบาท ลดลง 14.8%   

อันดับ 3 มาจากธุรกิจภาพยนตร์ทำรายได้ 695 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.4% ส่วนหนึ่งมาจากภาพยนตร์เรื่องหลานม่าที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีทั้งในและต่างประเทศ 

ปี 2568 อากู๋ กำลังดัน จีเอ็มเอ็ม มิวสิค เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้าง New Music Economy ลุยผลิตศิลปิน เพลง คอนเสิร์ต เพื่อรองรับจุดรุ่งเรืองอีกครั้งของวงการดนตรี

ส่วนเฮียฮ้อ คงต้องใช้เวลาจัดการกับเรื่องชื่อเสียงของตัวเองที่อาจจะส่งผลในการทำธุรกิจ เกี่ยวกับการจำนำหุ้นและบังคับขายหุ้นของบริษัท RS และ RSXYZ พร้อม ๆ กับเร่งปรับโครงสร้างใหม่ของธุรกิจหลัก 

เกมครั้งนี้ยังไม่จบ จะพลิกไม่พลิกอย่างไร ต้องติดตาม


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer