Trends / ด้วยความที่มีจำนวนมากเมื่อเทียบกับคนรุ่นอื่น ๆ ในตลาดแรงงาน ยังไฟแรง และมีประสบการณ์ในเรื่องต่าง ๆ ทั้งดี-ร้าย มาพอสมควร คนที่เกิดระหว่างปี 1981-1996 ที่อายุระหว่าง 29 – 44 ปี หรือ Gen Y จึงเป็นกำลังหลักของโลกยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมี Gen Y จำนวนไม่น้อย ที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำประเทศ เช่นที่ ชิลี บูกินาฟาโซ และไทย
ทว่า Gen Y ก็เริ่มเผชิญกับการแซว วิจารณ์ ไปจนถึงเหยียดจาก Gen Z ที่เป็นวัยรุ่นยุคปัจจุบัน ว่าเชยเสียแล้ว เพราะฝ่ายหลังเริ่มเห็นว่าพฤติกรรมหลายอย่างของรุ่นพี่ตกยุค และไม่เจ๋งไม่เท่ในสายตาพวกตน
เรื่องนี้สร้างความตกใจให้ Gen Y เพราะมันมาเร็วเกินไป และเมื่อไม่นานมานี้ พวกตนก็เพิ่งไปแซวคนรุ่นปู่ย่าว่าล้าสมัยอยู่เลย

สื่ออังกฤษรายงานอิงข้อมูลจากผู้สื่อข่าวหญิงในสังกัดว่า ตนและกลุ่มเพื่อนที่เป็น Gen Y ถูก Gen Z ที่อายุ 1997-2012 ที่อายุระหว่าง 19-28 ปี มองด้วยสายตาดูถูกเรื่องการแต่งตัวมากขึ้น โดยรู้สึกได้เลยว่า Gen Z ดูไม่ปลื้มกับการใส่กางเกงยีนส์เอวสูง กางเกงรัดรูป 5 ส่วน และใส่ถุงเท้าบริเวณตาตุ่ม
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ทราบว่าเป็น Gen Z เพราะพวกเขาเสื้อและกางเกงทรงหลวม และถุงเท้าสูง (แบบ Billie Eilish) นอกจากนี้ ยังสัมผัสได้ถึงความแตกต่างเรื่องอื่น ๆ เช่น วิธีถ่ายภาพเซลฟี่และการโพสต์ภาพบนสื่อโซเชียล ที่พวกตนจะใช้กล้องหน้า กดที่หน้าจอ และแต่งภาพให้สวยดูดีก่อนแถมยังโพสต์บ่อย ๆ

ขณะที่ Gen Z จะถ่ายด้วยกล้องหลังและกดที่ปุ่มปรับเสียงเพื่อบันทึกภาพ แล้วแทบไม่ปรับภาพเลยก่อนโพสต์ และจำนวนการโพสต์ก็น้อยมาก ขณะเดียวกัน Gen Y ก็ชอบสร้างภาพล้อ (Meme) และมองเป็นเรื่องขำ ๆ แต่ Gen Z จะล้อ Meme อีกที และทราบพิษภัยของสื่อโซเชียลเป็นอย่างดี
รายงานดังกล่าววิเคราะห์ว่า เป็นเพราะ Gen Y กับ Gen Z มีภูมิหลังและมองโลกต่างกัน โดยกลุ่มแรกยังอยู่ช่วงคาบเกี่ยวระหว่างยุคที่เทคโนโลยีแบบอนาล็อก เช่น โทรศัพท์มือถือที่ยังไม่มีเทคโนโลยีอัจฉริยะ เช่น สมาร์ตโฟน ได้ใช้โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ตั้งแต่แรก จึงใช้อย่างแทบไร้ความกังวล
แต่กลุ่มหลังแทบจะเกิดมากับเทคโนโลยีดิจิทัล และสื่อออนไลน์เต็มรูปแบบ ส่วนสื่อโซเชียลใหญ่ ๆ อย่าง Facebook และ Instagram ก็เชยไปแล้ว เพราะใช้ TikTok กันมากกว่า ด้านโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบปุ่มกดและโทรศัพท์บ้านที่ Gen Y ทันใช้ช่วงเด็กนั้น ล้าสมัยแล้วโดยสิ้นเชิงในสายตา Gen Z
ขณะที่ช่วงล็อกดาวน์ก็มีส่วนสำคัญต่อเรื่องนี้ เพราะ Gen Y ที่ใช้ชีวิตมาได้พักใหญ่ ๆ มาถูกจำกัดอยู่แต่ในบ้านทำให้เหมือนถูกตัดขาดจากโลกไป จนพอพ้นช่วงนั้นก็ทำงานเต็มตัวเสียแล้ว
ตรงข้ามกับ Gen Z ที่แม้โตมาช่วงล็อกดาวน์ จึงเป็นโอกาสให้ได้เรียนเรื่องต่าง ๆ จากสื่อออนไลน์ แล้วพอพ้นล็อกดาวน์ ก็เป็นวัยรุ่นเต็มตัวหรือเริ่มทำงาน ซึ่งได้แสดงออกอย่างเต็มที่พอดี
และจากการที่ทั้ง Gen Y และ Gen Z ต่างก็ใช้สื่อออนไลน์จนคล่อง สื่อออนไลน์ต่าง ๆ จึงเป็นช่องทางในการโต้เถียงกัน ซึ่งแม้ Gen Z บางส่วนอาจไม่แสดงออกว่า Gen Y เชยเมื่อพบหน้าค่าตากัน แต่พวกเขามักอดไม่ได้ที่บอกกับเพื่อนร่วมรุ่น ว่า Gen Y เชยบนสื่อออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย ซึ่งที่พบมากสุดคือ TikTok

ด้าน Gen Y ก็ไม่พอใจ เพราะเห็นว่า คนรุ่นตนนี่แหละที่คิดค้น TikTok ขึ้นมา และเสื้อผ้าที่ Gen Z ใส่แล้วมองว่าเท่ตอนนี้เป็นเสื้อผ้าช่วงเด็ก ๆ ของพวกตน แต่ที่ทำให้ Gen Y ตกใจสุดคือการถูกมองว่าเชย ว่าตกยุค
เพราะช่วงวัยรุ่นเคยภูมิใจในความเจ๋ง ความเท่ของรุ่นตัวเอง และเคยล้อเลียนทัศนคติตกยุคของคนที่เกิดยุคหลังสงครามโลก (Babyboomer) ที่เรียกว่า OK Boomer ส่วน Gen X ที่โตกว่าพวกตนขึ้นไปรุ่นหนึ่งนั้น บางเรื่องก็ต่อกันไม่ติดแล้ว ดังนั้น Gen Y จึงช็อกที่ถึงคราวรุ่นตนถูกมองว่าเชยเสียแล้ว
รายงานจากสื่ออังกฤษชิ้นนี้ทิ้งท้ายว่า Gen Y ไม่ต้องไปตกใจกับการถูกมองว่าเชยหรือตกยุค เพราะเป็นเรื่องปกติที่รุ่นเก่าหรือรุ่นปัจจุบันจะถูกวัยรุ่นที่กำลังอยากแสดงออกแซงไป
และแท้จริงแล้วความเจ๋งความเท่ ไม่ใช่การหมกมุ่นหรือพยายามมากเกินไปกับการทำตัวให้เจ๋ง ให้เท่ แต่คือความเข้าใจว่ายุคสมัยย่อมมีการเปลี่ยนแปลง และแต่ละรุ่นต่างก็มีความเจ๋ง ความเท่ และจุดอ่อนจุดแข็ง ต่างกันไป/theguardian
–
