ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วงการโทรทัศน์ของอังกฤษและกลุ่มประเทศสหราชอาณาจักรต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับชมสื่อและการประท้วงหยุดงานครั้งใหญ่ในฮอลลีวูด ทำให้ฟรีแลนซ์จำนวนมากต้องว่างงาน ขณะเดียวกันผู้คนก็หันไปดูรายการออนไลน์ผ่านทั้งสมาร์ททีวีและสมาร์ทโฟนกันมากขึ้น
ท่ามกลางวิกฤตนี้เอง ได้เกิดเทรนด์ Micro Drama ขึ้นและกำลังได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย ได้กลายมาเป็นแสงสว่างและแหล่งสร้างงานที่ไม่คาดฝันให้กับคนในวงการบันเทิงของอังกฤษ
Micro Drama คือซีรีส์สั้นกระชับที่มีชื่อเรื่องแบบชวนให้กดเข้าไปดู เช่น “A Flash Marriage with the Billionaire” และ “My Firefighter Ex-Husband Burns in Regret” โดยถูกตัดแบ่งเป็นตอนละหนึ่งนาที เพื่อให้ผู้ชมสามารถรับชมได้อย่างรวดเร็วบนสมาร์ทโฟนที่ถือในแนวตั้ง

อังกฤษและกลุ่มประเทศสหราชอาณาจักรกลายเป็นสถานที่ถ่ายทำยอดนิยมสำหรับ Micro Dramaในภาษาอังกฤษ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วใช้งบประมาณไม่สูงนัก สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของนักแสดงอังกฤษในคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับผู้ชมในสหรัฐฯ รวมถึงความเหมาะสมของสถานที่ถ่ายทำในสหราชอาณาจักรสำหรับคอนเทนต์ที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับชนชั้นสูง และค่าใช้จ่ายในการถ่ายทำที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา
การเติบโตของ Micro Drama เกิดขึ้นพร้อมกับความซบเซาของวงการโทรทัศน์ของสหราชอาณาจักร โดยมีฟรีแลนซ์ในอุตสาหกรรมนี้เกือบหนึ่งในห้าที่ระบุว่าตนเองว่างงาน
แดน โลเวนสไตน์ ผู้กำกับภาพยนตร์และโทรทัศน์ชาวอังกฤษ ได้กำกับMicro Dramaไปแล้ว 16 เรื่องในปีที่ผ่านมา รวมถึง “Pride and Prejudice” เวอร์ชั่น Micro Drama ให้กับ ReelShort ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในสหรัฐฯ ที่มีบริษัทแม่อยู่ในจีน

โลเวนสไตน์กล่าวว่า Micro Drama ช่วยให้นักแสดงและทีมงานมีเงินและโอกาสทำงาน โดยหากได้ร่วมงานกับบริษัทโปรดักชันหรือโปรดิวเซอร์ ก็สามารถทำงานได้เกือบเต็มเวลาในตอนนี้ เพราะปัจจุบันมีการผลิต Micro Drama จำนวนมากในสหราชอาณาจักร
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างซีรีส์หรือหนังทั่วไปกับ Micro Drama คือความเร็วในการผลิต โดยโลเวนสไตน์กล่าวว่าการถ่ายทำบทภาพยนตร์สามหน้าต่อวันถือเป็นเรื่องปกติสำหรับภาพยนตร์ทั่วไป แต่กับ Micro Drama เขาเคยทำได้สูงถึง 25 หน้า เช่น เรื่อง “Obsessed” ที่ถ่ายทำ 77 หน้าภายในเจ็ดวัน
อย่างไรก็ตาม โลเวนสไตน์ก็ยอมรับว่า Micro Drama ยังมีปัญหาเรื่องคุณภาพ เพราะใช้เวลาถ่ายทำน้อย แต่ในฐานะผู้กำกับก็พยายามแก้ไขเรื่องนี้ ส่วนการที่คนในวงการบางส่วนยังต่อต้าน Micro Drama นั้น เขาอยากให้ลองเปิดใจและให้มองว่าเป็นเวทีใหม่ในการแสดงผลงาน แล้วสถานการณ์อาจดีขึ้น
ความต้องการคอนเทนต์ที่ดูได้แบบแนวตั้งจากผู้ชมกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลจาก Sensor Tower ระบุว่ามียอดผู้ชมจำนวนมากในสหรัฐฯ และยอดดาวน์โหลดแอป Micro Drama เช่น ReelShort และ FlexTV ทั่วโลกก็เพิ่มขึ้น 460% ในปีที่ผ่านมา
ขณะที่จำนวนผู้ใช้งานรายเดือนของแอปเหล่านั้นเกือบถึง 600 ล้านคนแล้วในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 131% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2024 และงบในการถ่ายทำ Micro Drama แต่ละเรื่องก็ไม่สูงนัก เช่น เรื่อง “Obsessed” มีทีมงาน 22 คน และงบประมาณอยู่ในช่วงทั่วไปของไมโครดราม่าที่ 150,000-250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 5.5-9.2 ล้านบาท)
โซอี้ เอ็ดเวิร์ดส์ ช่างทำผมและแต่งหน้า ซึ่งเคยทำงานในไมโครดราม่าเรื่อง “Pride and Prejudice” และเป็นหนึ่งในทีมงานของ “Bridgerton” ซีรีส์ดังทาง Netflix เผยว่า ได้ทำงานใน Micro Drama 5 เรื่องที่ถ่ายทำในสหราชอาณาจักรมาแล้ว หลังจากที่ต้องว่างงานอยู่ 9 เดือนจากการประท้วงของนักเขียนและนักแสดงฮอลลีวูดในปี 2023 จนวงการโทรทัศน์และภาพยนตร์ของสหราชอาณาจักรทั้งหมดกำลังประสบปัญหา โดยแม้ Micro Drama ไม่ใช่งานที่น่าตื่นเต้นที่สุด แต่ก็ทำให้ได้กลับมาสนุกกับงานและได้อยู่ในวงการที่รายล้อมไปด้วยผู้คนที่เห็นคุณค่าในตัวคุณ
ด้าน ทอม วอลเดอร์ ผู้กำกับภาพที่ทำงานให้กับ Micro Drama ที่ถ่ายทำในสหราชอาณาจักรมากกว่าสิบเรื่องในปีที่ผ่านมากล่าวว่า Micro Drama เข้ามาช่วยฟื้นวงการโปรดักชันที่ซบเซาหลังโควิด-19 และมอบโอกาสทำงานหลากหลายให้ทีมงานจำนวนมาก
ขณะที่ ชาร์ลส์ อเล็กซานเดอร์ ช่างเทคนิคแสงในภาพยนตร์เรื่อง “Obsessed” ซึ่งย้ายจากออสเตรเลียมายังสหราชอาณาจักรเมื่อปีที่แล้ว กล่าวว่า Micro Drama ช่วยให้เขามีงานทำ ต่างจากตอนที่ผมมาถึงที่นี่ใหม่ๆ ซึ่งวงการโปรดักชันในอังกฤษเงียบเหงามาก
ทิม บาร์เบอร์ นักแสดงในไมโครดราม่าเรื่อง “Obsessed” ซึ่งเคยทำงานในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมาสองทศวรรษก่อนผันตัวมาเป็นนักแสดง กล่าวว่าเขาได้แสดงไมโครดราม่า 5 เรื่องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และMicro Dramaแนวนี้ทำให้เขาได้เข้าสู่วงการแสดงอาชีพอย่างรวดเร็ว ถ้าคุณต้องการรวบรวมผลงานเพื่อเป็นนักแสดงหน้าใหม่ นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่เพิ่งจบจากโรงเรียนการแสดง” เขากล่าวถึงไมโครดราม่าที่เขาเคยทำงานด้วยว่า “หลายเรื่องเหมือนกับนิยายโรแมนจิกสำหรับคนรุ่นใหม่
Micro Dramaเรื่อง “Obsessed” เป็นการร่วมผลิตระหว่าง Feuer Media บริษัทของ แทรมี่ ฮัน ชาวจีน-แคนาดา และ FlexTV แพลตฟอร์ม Micro Dramaยอดนิยมของ Mega Matrix ซึ่งบริหารโดยผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี หยูเฉิง ฮู Mega Matrix คาดการณ์เมื่อปีที่แล้วว่า ตลาดละครสั้นซึ่งมีมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2023 อาจสูงถึง 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.1 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2027
ฮันยอมรับว่าเคยมีปัญหาในการถ่ายทำไมโครดราม่า เริ่มต้นได้ไม่ดีนักเมื่อเริ่มถ่ายทำในสหราชอาณาจักร และมีปัญหาเช่น ผู้ผลิตและทีมงานที่ขาดประสบการณ์ ในตอนแรกๆ บริษัทบางแห่งยังไม่เป็นมืออาชีพมากนัก และมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย
เผิงหยู หลู่ โปรดิวเซอร์ของ Obsessed สำหรับ FlexTV กล่าวว่าเหตุผลในการถ่ายทำในสหราชอาณาจักรนั้นเรียบง่าย กลุ่มเป้าหมายอยู่ในโลกตะวันตก ดังนั้นจึงถ่ายทำ ที่ใดก็ตามที่ใช้ภาษาแม่” มีทางเลือกในการใช้จีนเป็นสถานที่ “แบบตะวันตก
เหวินถิง หยวน หัวหน้านักเขียนบทและโปรดิวเซอร์ที่ FlexTV กล่าวว่าเหตุผลในการถ่ายทำในสหราชอาณาจักรอาจขึ้นอยู่กับธีมของละครด้วย Micro DramaMicro Dramaเรื่อง “From Lost Heiress to Royal Highness” ของ FlexTV ถ่ายทำในอังกฤษ เนื่องจากเป็นประเทศที่เหมาะกับคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์และชนชั้นสูง ซึ่งปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการถ่ายทำในสหราชอาณาจักรค่อนข้างต่ำกว่าในสหรัฐอเมริกา
บางคนในอุตสาหกรรมนี้มองเห็นความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างการเพิ่มขึ้นของคอนเทนต์ที่ใช้งบถ่ายทำน้อยในสหราชอาณาจักร กับวิกฤตที่ดำเนินมาอย่างยาวนานในการผลิตรายการโทรทัศน์แบบดั้งเดิม ซึ่งทำให้ผู้มีประสบการณ์หลายคนตกงาน
โปรดิวเซอร์อาวุโสคนหนึ่งกล่าว “มีการเปลี่ยนไปสู่ทางเลือกที่ถูกกว่าอย่างแน่นอน เนื่องจากมีคนดูโทรทัศน์น้อยลง และหันไปดูแบบออนไลน์ ทั้งผ่านสมาร์ททีวีและสมาร์ทโฟนกันมากขึ้น ดังนั้น Micro Drama จึงเข้ามาได้ถูกที่ถูกเวลา และช่วยให้ทีมงานกองถ่ายทั้งหมดกลับมามีงานมีเงินเข้ามาบ้างเพื่อไปจ่ายค่าผ่อนบ้านและเลี้ยงดูลูกๆ”
โลเวนสไตน์กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ Micro Drama เป็นของใหม่และต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ แต่ก็มีโอกาสเติบโตสูงเนื่องจากมีการใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่คนทั่วโลกพกติดตัวไปทุกที่และยังใช้รับชมคอนเทนต์บันเทิงต่างๆ ด้วย ท่ามกลางพฤติกรรมการดูคอนเทนต์ที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยดูรายการทีวีแต่หันมาดูคอนเทนต์ออนไลน์มากกว่า แต่ทีมโปรดักชันที่เคยผ่านงานทีวีและหนังมาแล้วก็ต้องพัฒนาคุณภาพคอนเทนต์ของ Micro Drama ให้ดีขึ้นด้วย
จากทั้งหมดจึงกล่าวได้ว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Micro Drama ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ในอังกฤษ ที่กำลังเผชิญกับภาวะซบเซา แม้ว่าจะมีข้อถกเถียงเรื่องคุณภาพและความท้าทายด้านมาตรฐานการทำงาน แต่ Micro Drama หรือที่รู้จักในไทยภายใต้ชื่อ ละครคุณธรรม ก็ได้เป็นแหล่งรายได้และโอกาสทำงานใหม่ๆ ให้ทีมงานกองถ่ายจำนวนมาก ภายใต้งบถ่ายทำที่ต่ำกว่าและพล็อตเรื่องที่เข้าถึงง่ายกว่า
ดังนั้น Micro Drama จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้ชมในยุคดิจิทัล และอาจเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งยังเป็นการสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ทั่วโลกในยุคนี้อีกด้วย / theguardian
