เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน และเทรนด์เปลี่ยน อีกหลายอย่างก็เปลี่ยนตาม เช่น บรรดาบริษัทญี่ปุ่นใหญ่ๆ ในปัจจุบันเปลี่ยนเป็นบริษัทที่ต่างก็พยายามรับมือกับวิกฤต ทั้งที่ในช่วงรุ่งๆ ล้วนเป็นเบอร์ต้นๆ ของวงการ 

Nissan คือบริษัทญี่ปุ่นที่ยังอยู่ช่วงขาลงและต้องเอาใจช่วยมากที่สุด หลังบริษัทยานยนต์ญี่ปุ่นตกเป็นฝ่ายไล่ตาม ท่ามกลางความถดถอยทางเทคโนโลยีของเหล่าบริษัทร่วมชาติในยุคญี่ปุ่น ที่กำลังพยายามพาตัวเองออกมาจากการเป็นกบในหม้อต้ม  

หลายปีมาแล้วที่ Nissan ก็เผชิญกับมรสุมทางธุรกิจ และต่อมาในปี 2024 สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งมาจากหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น ยอดขายที่ลดลง ตามตลาดรถอีวีไม่ทัน และการซื้อรถของคนทั่วโลกชะลอตัว 

เพราะต้องประหยัดช่วงเศรษฐกิจฝืด และมองว่า ตลาดรถยนต์ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากรถน้ำมันไปเป็นอีวี นอกจากนี้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ Nissan ก็ไม่ดึงดูดเหมือนเคยอีกด้วย

ไตรมาส 3 ปี 2024 Nissan ประกาศว่า ขาดทุน 62 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,000 ล้านบาท) และตลอดปีสถานการณ์น่าจะยังไม่ดีขึ้น จึงต้องเดินหน้าลดค่าใช้จ่ายต่างๆ นำมาสู่การประกาศปลดพนักงาน 9,000 คนตามโรงงานหลายแห่งทั่วโลกเมื่อถึงปลายปี 

ข้ามมากลางปี 2025 สถานการณ์ของ Nissan ก็ยังไม่ดีขึ้น และมีข่าวร้ายอีกข่าวตามมา โดยมีข่าวว่าอาจต้องขายอาคารสำนักงานใหญ่ในย่านมิโนโตะ มิไร ของเมืองโยโกฮาม่า ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2009 ในยุคของคาร์ลอส กอส์น อดีตซีอีโอต่างชาติคนดังที่พาแบรนด์กลับมายิ่งใหญ่ 

ตามรายงานข่าวระบุว่า อาคารแห่งนี้มีราคาประเมินอยู่ที่ 675 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 21,800 ล้านบาท) และบอร์ดบริหารจะพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยหากหาผู้ซื้อได้จะปิดดีลขายอาคารภายในสิ้นปี 2026

ในเวลาไล่เลี่ยกันก็มีข่าวว่า สิ้นปีงบประมาณ 2025 Nissan ขาดทุนสูงถึง 4,390 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 142,000 ล้านบาท) 

แผนรัดเข็มขัดขั้นสุดของ Nissan ยังดำเนินต่อไป โดยมีโรงงานที่มีประวัติยาวนานพร้อมนัยสำคัญเป็นเหยื่อรายล่าสุด โดยช่วงกรกฎาคม ก็มีการประกาศแผนปิดโรงงานในเมืองโยโกสุกะ ทางภาคกลางของญี่ปุ่น ภายในปี 2027 

โรงงานแห่งนี้เต็มไปด้วยความสำคัญ โดยนอกจากเปิดตั้งแต่ปี 1961 หรือเมื่อ 64 ปีก่อน และต่อมาในปี 1970 ก็เป็นโรงงานแห่งแรกของญี่ปุ่นที่ใช้หุ่นยนต์ในกระบวนการผลิตแล้ว ยังเป็นโรงงานแห่งแรกของ Nissan ที่ใช้ผลิตรถอีวีอีกด้วย ซึ่งล็อตแรกของรถรุ่น LEAF ก็ผลิตจากโรงงานแห่งนี้นี่เอง 

แผนลดรายจ่ายของ Nissan ในยุคที่กลับไปใช้ซีอีโอต่างชาติ ยังคงไม่สิ้นสุด จนเหมือนซีรีส์หลายสิบตอนจบ โดยล่าสุด สื่อญี่ปุ่นรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า Nissan อาจจะถอนหุ้น 75% จากสโมสรฟุตบอล Yokohama F. Marinos 

ตามรายงานระบุว่า นี่ถือเป็นการลดการสนับสนุนปีกธุรกิจกีฬา ทั้งเพื่อเรื่องภาพลักษณ์และการโปรโมต ต่อเนื่องจากการขอยุติสัญญาสปอนเซอร์กับสโมสร Manchester City ใน Premier League อังกฤษ 

สำหรับ Yokohama F. Marinos เริ่มจากการเป็นเพียงสโมสรฟุตบอลของพนักงาน Nissan ที่ก่อตั้งเมื่อปี 1972 โดยหลังฟุตบอลลีกของญี่ปุ่นพัฒนาขึ้น ทางสโมสรก็ได้ร่วมลงแข่งด้วย

นี่ถือเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลของ J-League ที่ดังที่สุด เพราะเคยคว้าแชมป์มาได้ถึง 5 สมัย และนักเตะดังๆ ของญี่ปุ่นหลายคนก็เคยเล่นให้สโมสรแห่งนี้ ขณะเดียวกันก็เคยไปอยู่ใน “กัปตัน ซึบาสะ” มังงะฟุตบอลญี่ปุ่นเรื่องดังมาแล้ว

ส่วนในกรณีที่มีบริษัทใหญ่มาซื้อหุ้น Yokohama F. Marinos ของ Nissan ที่สูงถึง 75% ไป อาจไม่ได้แค่ทำให้แนวทางทำทีมเปลี่ยนไปเท่านั้น แต่อาจมีการเปลี่ยนชื่อสนามจาก Nissan Stadium ไปเป็นชื่ออื่นตามที่บริษัทเจ้าของหุ้นใหญ่รายใหม่ต้องการด้วย / japantoday


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer