แม้ตลาดโลจิสติกส์ในตอนนี้จะแข่งขันกันหนักที่สุดในรอบทศวรรษ แต่ “ความเชื่อใจ” ยังคงเป็นตัวแปรที่ตัดสินผู้ชนะ
ปี 2568 ถือเป็นปีที่สมรภูมิขนส่งพัสดุไทยเข้าสู่ภาวะ แข่งขันรุนแรงระดับ Red Ocean อย่างแท้จริง ผู้เล่นใหม่–ผู้เล่นต่างชาติ–สตาร์ทอัปโลจิสติกส์ต่างเร่งช่วงชิงส่วนแบ่งด้วยความเร็ว ราคา และโปรโมชั่นเชิงรุกต่อเนื่องตลอดทั้งปี
แต่ท่ามกลางเกมการแข่งขันที่เรียกว่า “สงครามขนส่ง” ไปรษณีย์ไทยยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 30–40% และสามารถยืนในฐานะ ผู้นำตลาดอันดับ 1 (Market Leader) ได้อย่างเหนียวแน่น โดยธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์คิดเป็นถึง 47% ของรายได้รวมทั้งหมดขององค์กร
นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังรองรับพัสดุได้มากกว่า 6 ล้านชิ้นต่อวัน (ข้อมูล มี.ค. 2568) ด้วยเครือข่ายบุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คน และจุดให้บริการมากกว่า 50,000 แห่ง ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการส่งของที่ใหญ่ที่สุดในไทยในปัจจุบัน
บนเวที Thailand Marketing Day 2025 ในหัวข้อ Legacy wins Future begins: พลิกความคลาสสิกมาเป็นโอกาสแห่งอนาคต โดย ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้สรุปภาพใหญ่ว่า
“จุดแข็งที่ทำให้ไปรษณีย์ไทยยืนหนึ่งไม่ใช่ความเร็วหรือราคา แต่เป็นความเชื่อใจ “Trust” ที่สั่งสมมากว่า 140 ปี และไม่มีใครลอกเลียนแบบได้”
🟥 ความเชื่อมั่นระดับชาติ 97% ทุนแบรนด์ที่คู่แข่งไม่มีทางสร้างทัน
จากผลสำรวจภายในและภายนอกองค์กร
ผู้ใช้บริการไว้วางใจไปรษณีย์ไทยสูงถึง 97%
ตัวเลขนี้ไม่ได้สะท้อนแค่ “ความพึงพอใจ” แต่สะท้อน “ความเชื่อใจในระดับชาติ” (National Trust) ที่ฝังอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วไทย
เพราะอะไรความเชื่อใจนี้ถึงแข็งแรงที่สุดในอุตสาหกรรม?
1) บุรุษไปรษณีย์ = Human CRM ที่ลึกที่สุดในประเทศไทย
บุรุษไปรษณีย์จำนวนมากอยู่ในพื้นที่เดิมนาน 10–20 ปี และเติบโตมากับชุมชนเดียวกับผู้ใช้บริการ
พวกเขารู้ว่า
- ใครอยู่บ้านเวลาไหน
- ครอบครัวประกอบด้วยใครบ้าง
- ซอยไหนเพิ่งเปลี่ยนชื่อ
- ผู้สูงอายุบ้านไหนรับพัสดุเองไม่ได้
- ร้านค้าใดเปิด–ปิดเวลาใด
ข้อมูลแบบนี้ ไม่มีในระบบ CRM และไม่สามารถซื้อได้จากแพลตฟอร์มดิจิทัล
นี่คือ First-party Relationship ที่ “มีบริบทมนุษย์ละเอียดที่สุด” ในประเทศ
2) Turnover ต่ำ = ความต่อเนื่องของความสัมพันธ์
เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ พนักงานจำนวนมากจึงอยากอยู่กับองค์กรระยะยาว ผลคือความสัมพันธ์กับชุมชนมีความต่อเนื่อง ไม่สะดุด และเชื่อมโยงกับการให้บริการที่ลึกกว่าแค่ส่งของ
3) เครือข่าย 50,000 จุด = ความครอบคลุมเชิงพื้นที่ที่คู่แข่งไม่มี
ไปรษณีย์ไทยคือองค์กรเดียวที่ “เข้าถึงได้ทุกครัวเรือน” รอบประเทศกว่า 21 ล้านครัวเรือน
นี่คือ Trust Infrastructure ระดับประเทศที่กลายเป็นฐานความแข็งแรงของแบรนด์
🟥 Tech Post เมื่อองค์กรคลาสสิกปรับตัวด้วยเทคโนโลยี
แม้จะมีทุนด้านความเชื่อใจ แต่ไปรษณีย์ไทยไม่ได้ยืนบนความสำเร็จในอดีต พร้อมปรับตัวเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็น
“Tech Post – องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย Data, AI และระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ”
ทิศทางสำคัญประกอบด้วย
- การใช้ AI จัดเส้นทาง–คัดแยก–วิเคราะห์โหลดงาน
- ระบบ D/ID (Digital Identification) เพื่อยืนยันตัวตนแม่นยำ ลดการส่งผิด
- Super App รวมบริการทั้งหมดใน ecosystem
- การพัฒนาขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์แบบ end-to-end รองรับการเติบโตของ e-commerce และธุรกิจรายย่อย
ผลลัพธ์เริ่มปรากฏชัดเจน
ไปรษณีย์ไทยพลิกกลับมาทำกำไรสุทธิ 631.56 ล้านบาทในครึ่งแรก ปี 2568 ถือเป็นความสำเร็จที่สร้างความเชื่อมั่นกลับสู่ตลาดอีกครั้ง
🟥 แสตมป์ = คอนเทนต์: Reframe มรดกองค์กรให้เป็น Cultural Commerce
อีกหนึ่งไฮไลต์บนเวทีคือ “การตีความใหม่” ของผลิตภัณฑ์คลาสสิกที่อยู่คู่คนไทยกว่า 140 ปี “แสตมป์”
จากเดิมคือเครื่องมือชำระค่าบริการ วันนี้ไปรษณีย์ไทยมองแสตมป์เป็น “Content Delivery Platform” หรือ Content Marketing รูปแบบใหม่ที่ใช้พลังทางวัฒนธรรมและความเชื่อของคนไทย ทางไปรษณีย์ไทยจึงได้เปิดตัวแสตมป์ชุดพิเศษ ต้อนรับปีใหม่ 2569
แสตมป์ชุดเบญจภาคี (เสือ–เบี้ยแก้–หนุมาน–ตะกรุด–ราหู)
ราคา 1,300 บาท/เซ็ต
เปิดจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ Thailand Postmart และเริ่มจำหน่าย 5 ธันวาคม 2568
นี่คือการผสาน
วัฒนธรรม + ความเชื่อ + ดีไซน์ + แพลตฟอร์มดิจิทัล
ให้กลายเป็นสินค้าเชิงคอมเมิร์ซที่ตอบโจทย์ทั้งนักสะสมและคนรุ่นใหม่
🟥 บทสรุป: ผู้นำตลาดไม่ใช่เพราะราคาถูกกว่า แต่เพราะเชื่อใจมากกว่า
ในตลาดโลจิสติกส์ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันด้านราคา ความเร็ว และโปรโมชั่น ไปรษณีย์ไทยยืนหนึ่งได้เพราะมีสินทรัพย์ที่ลอกไม่ได้ นั่นก็คือ
- ความเชื่อมั่น 97%
- ความสัมพันธ์ระดับชุมชน
- พนักงานที่อยู่กับพื้นที่ระยะยาว
- โครงสร้างพื้นฐาน 50,000 จุดทั่วไทย
- ความสามารถรองรับพัสดุ 6 ล้านชิ้นต่อวัน
- ตำแหน่งผู้นำตลาด 30–40% มาต่อเนื่อง
- การต่อยอดสู่ Tech Post ในยุค AI
ในยุคที่แบรนด์ใหม่เติบโตจาก “ความเร็ว”
ไปรษณีย์ไทยเติบโตจาก “ความไว้วางใจ” ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีวันหมดอายุ และพร้อมจะขยายมูลค่าได้อีกในอนาคต

