แบรนด์ใหญ่ทั่วโลกต่างรับรู้ได้ถึงผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 สำหรับ Levi’s ต้องถือว่าอยู่ในกลุ่ม “ป่วยหนัก” โดยไตรมาส 2 ปีนี้ ทำยอดขายทั่วโลกได้ 498 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15,577 ล้านบาท) ลดลงจากกรอบเวลานี้ของปีก่อนถึง 62% เพราะสาขาทั่วโลกต้องปิดหลายเดือนช่วงการระบาดรุนแรงตามมาตรการของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ และยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นถึง 25% ยังไม่เพียงพอในการช่วยกอบกู้สถานการณ์
ไตรมาสที่ผ่านมา ยอดขายของ Levi’s ในยุโรปร่วงหนักสุด ลดลงไปถึง 68% ส่วนที่เอเชียและทวีปอเมริกาก็แย่พอกัน ลดลง 61% และทวีปอเมริกา 59% ตามลำดับ
ท่ามกลางการวิเคราะห์ว่ายอดขายที่ลดลงส่วนหนึ่งมาจากการที่คนทั่วโลกหันไปซื้อเสื้อผ้าทรงหลวม ใส่สบาย ระหว่างต้องอยู่ติดบ้านมากกว่าเสื้อ-กางเกงยีนส์
ข่าวร้ายของ Levi’s จากผลกระทบของโควิด-19 ยังไม่หมดแค่นั้น โดยมีการประกาศปลดพนักงานในสำนักงานราว 700 คน หรือคิดเป็น 15% ของพนักงานส่วนนี้ ที่คาดว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,200 ล้านบาท) ช่วงฟื้นจากวิกฤตโรคระบาด
และเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินเผื่อมีเกิดการระบาดรอบสองที่อาจทำให้สาขาโดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่เพิ่งกลับมาเปิดต้องปิดอีก เหมือนที่ Apple store ในบางรัฐอย่าง Florida และ Texas เจอมาแล้ว
ด้าน Chip Bergh-CEO ของ Levi’s ยอมรับว่ายังไม่สามารถวางใจในสถานการณ์ได้และแม้การระบาดจะทุเลาลงมากจนสาขากว่า 90% กลับมาเปิดได้แล้วก็ตาม
Chip Bergh
สำหรับ Levi’s เป็นแบรนด์แฟชั่นสัญชาติอเมริกันอายุ 167 ปีที่เพิ่ง IPO อีกครั้งแบบดีเกินคาดเมื่อปี 2019 หลังยอดขายกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแฟชั่นยุค 80 และยีนส์ฟอกสีซีด ๆ กลับมาได้รับความนิยม โดยคนที่เป็นอัศวินชุดยีนส์พา Levi’s คืนฟอร์มคือ Chip Bergh นั่นเอง/cnbc, bbc, levistrauss, wikipedia
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ