พรมแดนใหม่ทางธุรกิจของแบรนด์เนื้อเทียมอเมริกันคือตลาดใหญ่สุดในเอเชีย โดยชาวจีนได้ลองชิมเนื้อเทียมของ Beyond Meat กันแล้วผ่านเมนูของ KFC ในบางสาขาตามเมืองใหญ่ๆ อย่าง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หางโจวและเฉิงตู หลังเริ่มต้นในธุรกิจนวัตกรรมอาหารของสหรัฐได้อย่างสวยงาม จนประสบความสำเร็จในการ IPO เมื่อปี 2019

การรุกตลาดจีนของ Beyond Meat ครั้งนี้ยังครอบคลุมไปถึง Pizza Hut และ Taco Bell แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดอีก 2 แบรนด์ในเครือ Yum ด้วย และหากไปได้สวย Yum รับปากแล้วว่าจะเพิ่มจำนวนสาขาหรือขยายเมนูนี้ไปทั่วจีนต่อไป โดย Ethan Brown – CEO ของ Beyond Meat กล่าวว่า การประเดิมตลาดจีนถือเป็นหลักไมล์สำคัญในการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก
Ethan Brown
แม้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในจีนแต่ความเคลื่อนไหวของ Beyond Meat ครั้งนี้ก็ถูกจับมองไม่น้อย เพราะจีนเป็นประเทศมีสาขาของ KFC อยู่มากสุดในโลก และหากรวมสาขาของแบรนด์ที่จีนในเครือ YUM ทั้งหมด จะมีมากถึงเกือบ 9,300 แห่ง

ประกอบกับเมื่อเมษายน Beyond Meat ได้ “แนะนำตัว” กับผู้บริโภคชาวจีนไปบ้างแล้วผ่านเมนูของ Starbucks ต่างจาก Impossible Food แบรนด์คู่แข่ง ที่ยังไม่มีความชัดเจนในการรุกตลาดจีน
สำหรับ Beyond Meat เป็นแบรนด์อันดับต้นๆในตลาดนวัตกรรมอาหารก่อตั้งเมื่อปี 2009 ท่ามกลางการหันมาใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นของคนรุ่นใหม่

เนื้อจากโปรตีนพืชของ Beyond Meat ที่แต่งสี กลิ่นและรสชาติจนใกล้เคียงกับเนื้อจริงมาก ไม่ได้แค่ทำให้แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดใหญ่ๆ เช่น KFC และ McDonald’s สนใจ นำไปทดลองขายเพื่อเจาะตลาด “คนกินมัง” เท่านั้น แต่ยังทำให้แบรนด์อาหารยักษ์ใหญ่อย่าง Nestle และ Kellogg’s อยู่เฉยไม่ได้ จนต้องทำเนื้อเทียมออกมาบ้างเพื่อขอ “แบ่งเค้ก”
หลังดำเนินธุรกิจพร้อมสร้างตลาดเนื้อเทียมขึ้นมา Beyond Meat ก็เรียกฮือฮาด้วยการเปิดตัวระหว่างทำ IPO เมื่อปีที่แล้วได้มากถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 6,400 ล้านบาท)

ท่ามกลางการประเมินว่า ตลาดเนื้อเทียมจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนปี 2029 มีมูลค่าตลาดเพิ่มเป็น 140, 000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.3 ล้านล้านบาท) คิดเป็น 10% ของตลาดเนื้อทั่วโลก / cnn
