Trend: ถ้าทำอย่างใดอย่างหนึ่งมานานจนเป็นกิจวัตร แถมยังขยายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปทั่วโลก เราอาจไม่สนว่ามันมีที่มาอย่างไร ใครหรือหน่วยงานไหนคิดค้นขึ้นมา
เช่น การเข้าบริษัทไปทำงานตั้งแต่ 09.00-17.00 นาฬิกาเป็นประจำตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ของทุก ๆ สัปดาห์ ซึ่งสหภาพแรงงานในสหรัฐฯ กำหนดขึ้นเมื่อช่วงยุคปี 1800 ที่ต่อมาใช้กับสังคมการทำงานทั่วโลก
แต่ช่วงกว่า 4 ปีมานี้การทำงานของคนทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไปครั้งใหญ่จากสถานการณ์โควิด ที่นอกจากทำให้วัยทำงานทั่วโลกจำเป็นต้องจัดการงานต่าง ๆ จากที่บ้าน (Work from Home) แล้ว

ยังทำให้ต่อมาเกิดการทำงานแบบสลับเข้าบริษัทกับทำอยู่บ้าน (Hybrid Workspace) และ การทำงานจากทุกที่ (Work from Anywhere)

นี่ยังเป็นปัจจัยบวกให้ Zoom แพลตฟอร์มประชุมออนไลน์กลายเป็นแพลตฟอร์มจำเป็น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเห็นความสำคัญ แต่ขณะเดียวกันเป็นปัจจัยลบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริหารจัดการพื้นที่ทำงานร่วม (Co-working Space)

จน WeWork บริษัทที่สร้างตลาด Co-working Space ขึ้นมาถึงขั้นล้มละลาย

ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ยังทำให้คนทำงานทั่วโลกได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น เห็นคุณค่าในการจัดสมดุลระหว่างงานกับชีวิตให้เหมาะสม ที่มีพัฒนาจากแค่ Work-Life Balance ไปถึง Work Life Integration แล้ว

และคิดใหม่ว่าการทำงานตามช่วงสมองแล่น ไม่จำเป็นต้องตามกฎ 9-5 อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

การทำงานโดยอิงแบบตามใจ อิงจากช่วงร่างกายตื่นตัวจนงานออกมามีประสิทธิภาพสูงสุด และไม่ตรงกับเวลาทำงานตามธรรมเนียมปฏิบัติ หรือ Chronoworking คือเทรนด์การทำงานรูปแบบใหม่ซึ่งเริ่มเป็นที่สนใจ
และมีบางบริษัทในสหรัฐฯ และยุโรปนำไปใช้กันแล้ว โดยผู้ใช้คำนี้คนแรกคือ Ellen C. Scott รองบรรณาธิการเว็บไซต์ข่าวแนวไลฟ์สไตล์และแฟชั่นในสหรัฐฯ
ที่อิงจากช่วงเวลาที่ทำงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด (Chronotype) ที่ต่างกัน 4 แบบ
ตามการสำรวจของสมาคมการแพทย์สหรัฐฯ คือ รุ่งเช้า กลางวัน ค่ำและกลางดึก ที่แสดงให้เห็นว่าแม้ช่วงกลางวัน (ราว 10.00-14.00 นาฬิกา) จะเป็นช่วงหัวแล่นและไฟทำงานพุ่งสูงสุด คิดเป็น 55% ของกลุ่มตัวอย่าง

แต่ก็มีคนที่ทำงานได้ดีในช่วงรุ่งเช้า ค่ำหรือกลางดึก อันเป็นช่วงที่ไม่ใช่เวลาทำงานตามปกติเช่นกัน
จากการต้องทำงานที่ไม่ตรงกับ Chronotype ตัวเอง จึงเป็นเหตุให้ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ความเครียดและต้องหาตัวช่วยอย่างกาแฟ เพื่อปลุกร่างกายให้กระปรี้กระเปร่า หรืองีบหลับช่วงกลางวัน

สำนักข่าว BBC ของอังกฤษที่รายงานเรื่องนี้ ยกตัวอย่างนักเขียนหญิงวัย 32 ปีคนหนึ่งที่เริ่มทำงานช่วงหัวค่ำ ยาวไปถึงกลางดึกของทุกวัน เพราะมีสมาธิ เงียบดี และหลังทำกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ เสร็จหมดแล้ว
ขณะที่ 17 บริษัทของอังกฤษที่ Flexa แพลตฟอร์มรับสมัครงาน ให้พนักงานทุกคนทำงานแบบ Chronoworking และก็พอใจกับผลงานที่ออกมา

BBC รายงานต่อว่า Chronotype ที่ถูกใจคนทำงานรุ่นใหม่ ๆ อย่าง Gen Y และ Gen Z ซึ่งอายุระหว่าง 12-27 ปี และ 28-43 ปีตามลำดับนี้ก็มีข้อจำกัด
โดยเหมาะกับงานแบบ Work from Anywhere ที่สามารถทำงานแยกกันได้ เช่น บริษัทสื่อ แต่ทำไม่ได้กลับยังต้องพบกับลูกค้า เช่น การโรงแรม และงานที่อิงตามเวลากิจกรรมสำคัญ

อย่าง นายหน้าขายหุ้น ที่ต้องทำงานตามเวลาปิด-เปิดของตลาดหุ้น นอกจากนี้ ยังต้องบริหารเวลาให้ดี กำหนดเวลากลางที่ทุกคนต้องประชุมออนไลน์ และมีแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ดีอีกด้วย ♦/bbc
–
