Trend / ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ความสวยความงามกับผู้หญิงเป็นของคู่กันอย่างแยกกันไม่ออก ซึ่งก็สะท้อนออกมาผ่านเทรนด์ความงามและการดูแลตัวเองของผู้หญิงนั่นเอง

แต่ดูเหมือนว่าสาววัยรุ่น 2024 จะกล้าทุ่มกับการดูแลตัวเองมากกว่าวัยรุ่นยุคก่อน ๆ โดยผู้หญิงอายุ 12-27 ปี หรือ Gen Z หมดเงินไปก้อนใหญ่ในแต่ละเดือนกับการแต่งหน้า-ทาปาก เสื้อผ้า หน้าผม การดูแลผิวและทำเล็บ

รวมไปถึงศัลยกรรมต่างๆ โดยสื่ออังกฤษที่ตีแผ่เรื่องนี้ยกตัวอย่างสาว Gen Z อินฟลูเอนเซอร์ความงามชาวอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งใช้จ่ายกับเรื่องเหล่านี้ไปถึง 660 ดอลลาร์ (ราว 22,000 บาท) ต่อเดือน  

อันมีสาเหตุมาจากความจำเป็นทางอาชีพและความต้องการดูดีอยู่เสมอของตัวเอง ซึ่งถือเป็นภาพสะท้อนของคนส่วนใหญ่ในวัยเดียวกันในอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มที่เริ่มมีรายได้จากการทำงาน

เรื่องดังกล่าวมีที่มา ไม่ได้มีสาเหตุมาจากตัว Gen Z ฝ่ายเดียว มีบริบทแวดล้อมน่าสนใจอันส่งผลสืบเนื่องต่ออุตสาหกรรมความงามโดยรวม และทิศทางแคมเปญของวงการโฆษณาอีกด้วย

เทรนด์การทุ่มไม่อั้นเรื่องความสวยความงาม ต่อเนื่องไปถึงการกินอยู่เพื่อให้ภาพตัวเองดูดีดูหรูหรา ซึ่งวัยรุ่นไทยเรียกกว่า ติดแกลม อันมาจากคำว่า Glamour ที่แปลว่าหรูในภาษาอังกฤษนี้

มาจากการทำตามคลิปและไวรัลในสื่อโซเชียลของ Gen Z ที่เริ่มจากการแต่งหน้าและพฤติกรรมในการเสริมความงามต่าง ๆ ซึ่งเมื่อเห็นบ่อย ๆ เข้าก็อยากทำตามบ้าง

ด้านหนึ่งการทำหน้าผมเล็บผิวให้ดูดี ถือเป็นการเสริมความมั่นใจ และช่วยเสริมโอกาสต่าง ๆ ในหน้าที่การงาน แต่เมื่อมาก ๆ เข้าก็ทำให้กลายเป็นการสร้างภาพชีวิตติดหรูตามศัพท์วัยรุ่นที่ว่า ติดแกลม นั่นเอง

ซึ่งจากการที่ Gen Z ส่วนใหญ่มีความมั่นใจ จึงไม่ค่อยสนใจกับเสียงติเสียงวิจารณ์

เทรนด์การทุ่มเงินไปไม่ใช่น้อยของ Gen Z ในการทำให้ตัวเองดูดีอยู่เสมอ ยังมาจากความอัดอั้นช่วงล็อกดาวน์ที่ไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวออกไปทำงาน ซึ่งฉุดให้ยอดขายเครื่องสำอางทั่วโลกลดลง

แต่พอปี 2022 ที่วิกฤตโลกดังกล่าวผ่านพ้นไป ผู้คนโดยเฉพาะผู้หญิงซึ่งในจำนวนนี้มี Gen Z รวมอยู่ด้วยก็กลับมาแต่งหน้าแบบจัดเต็ม ดันให้ยอดขายเครื่องสำอางเพิ่มขึ้น

ส่วนสาเหตุสุดท้ายมาจากอินฟลูเอนเซอร์ด้านความงามเต็มสื่อออนไลน์ โดยมีทั้งหน้าใหม่และผู้ที่มีชื่อเสียงแล้ว ซึ่งแบรนด์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพก็มองเห็น

นำมาสู่การทุ่มงบให้บรรดาอินฟลูฯ เหล่านี้ โดยตามรายงานของ Forbes สื่อดังด้านความมั่งคั่งระบุว่า ปี 2023 มูลค่าตลาดของธุรกิจอินฟลูฯ ทั่วโลกสูงถึง 21,100 ล้านดอลลาร์ (ราว 718,000 ล้านบาท) 

และการทำการตลาดผ่านอินฟลูฯ คืองบโฆษณาก้อนใหญ่ของแบรนด์ทั่วโลกยุคนี้ ในทุกแพลตฟอร์ม โดยเป้าหมายของแบรนด์คือให้สินค้าไปปรากฏสู่สายตาของผู้บริโภคมากสุด

ซึ่งแบรนด์ที่ทุ่มเงินกับอินฟลูฯ มากสุดคือแบรนด์เครื่องสำอาง และเป้าหมายกลุ่มใหญ่อันดับต้น ๆ ของแบรนด์เครื่องสำอาง ก็คือ Gen Z ดังนั้น Gen Z อยากสวยอยากดูดี และพร้อมทุ่มไม่อั้นกับเรื่องนี้

การพร้อมทุ่มให้กับการแต่งหน้าและการทำตัวเองดูดีของ Gen Z แน่นอนว่าส่งผลให้ตลาดเครื่องสำอางของผู้บริโภคกลุ่มนี้โตวันโตคืน แต่มันก็มาพร้อมข้อกังวล

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่าการดูแลตัวเองโดยเฉพาะผิวหน้าของ Gen Z ส่งผลให้ Gen Z กลัวแก่กันแล้ว ทั้งที่อายุมากสุดของกลุ่มนี้อยู่ที่เพียง 27 ปีเท่านั้น ยืนยันได้จาก Gen Z บางคนก็เริ่มฉีดโบท็อกซ์กันแล้ว 

ขณะที่ 70% ของสัดส่วนตลาดครีมชะลอวัยคือ Gen Z ระหว่างปี 2021-2022 ตลาดครีมชะลอวัยของวัยรุ่นโตขึ้น 10% และระหว่างปี 2020-2023 ยอดการค้นหาครีมชะลอวัยในหมู่ Gen Z ก็เพิ่ม 3 เท่า ♦/theguardian   


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer